เวลานี้คงไม่มีข่าวไหนที่ร้อนแรงไปกว่า การผสมกำลังระหว่างตำรวจและทหารบุกเข้าค้นบ้านพักของ “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ “เสธ.แดง” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกที่กำลังถูกพักราชการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา และยังมีความพยายามไล่ล่าจับกุมตัว เสธ.แดง มาดำเนินคดี หลังจากเกิดเหตุการยิงระเบิด M-79 เข้าถล่มกองบัญชาการกองทัพบกในช่วงกลางดึกของวันที่ 15 ม.ค. ซึ่งหลายฝ่ายสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นฝีมือของ เสธ.แดงที่ไม่พอใจคำสั่งพักราชการโดยไม่มีกำหนด และก่อนหน้านี้เขาเคยประกาศข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกมาแล้วว่าหากเขาถูกพักราชการก็ไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลายคนคงอยากทราบว่า เสธ.แดง เป็นใคร? เหตุใดนายทหารระดับ “พลตรี” ผู้นี้จึงสามารถสั่นคลอนสถานะของกองทัพไทยทั้งกองทัพและรัฐบาลได้? และเขามีกองกำลังและสรรพอาวุธพอที่จะยิงถล่มใครต่อใครได้จริงหรือไม่?
คลั่งเครื่องแบบ-บ้าถ่ายรูป-ชอบคิตตี้
“พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ “เสธ.แดง” เป็นทหารโดยสายเลือด โดยเป็นลูกชายคนสุดท้องของ ร.ท.สนิท สวัสดิผล กับนางสอิ้ง สวัสดิผล เป็นชาวโพธาราม จ.ราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2494 หลังจากจบชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนศรีวิกรม์แล้วเขาก็เลือกเดินตามรอยบิดาด้วยการสมัครเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 11 เป็นรุ่นน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 1 ปี (ทักษิณเป็นเตรียมทหาร รุ่น 10) จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 และโรงเรียนเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 63 เข้ารับราชการครั้งแรกในกองพันกองพันทหารราบที่ 4 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี และเติบโตมาในสายทหารม้า เคยได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2543 เคยเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในช่วงปี 2529 เป็นนายทหารติดตามของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
เสธ.แดงเป็น นายทหารที่บ้าเรียนคนหนึ่งเพราะนอกการเรียนและเข้าอบรมหลักสูตรต่างๆในทางทหารแล้ว เขายังตะเกียกตะกายคว้าใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาครองถึง 5 ใบ คือ ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปริญญาตรี เศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ปริญญาโท คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และปริญญาเอก สาขาบริหารรัฐกิจ University of Northern Philippines (ข้อมูลจาก www.sae-dang.com)
หลายคนมองว่า เสธ.แดง เป็นทหารเพี้ยน เพราะเจ้าตัวนอกจากจะชอบเล่าเรื่องวีรกรรมในการสู้รบ การปลอมตัวหาข่าวในพื้นที่ต่างๆ เป็นคุ้งเป็นแควและใส่ชุดทหารอยู่ตลอดเวลาแล้ว เสธ.แดง ยังชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถ่ายรูปเก็บไว้เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ปฎิบัติภารกิจทางทหาร แม้กระทั่งขณะที่อยู่ในสมรภูมิรบ จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่านาทีเป็นนาทีตายในระหว่างรบนั้นใครหนอช่างอารมณ์สุนทรีย์มาถ่ายรูปให้ เสธ.แดง อีกทั้งใครจะเชื่อว่าผู้ชายระห่ำมาดเหี้ยมอย่างเขาจะชอบสะสมตุ๊กตา เรียกว่ามีเป็นร้อยตัวเลยทีเดียว โดยเริ่มจากมีนายทหารรุ่นพี่คนหนึ่งอยากให้เขาลดดีกรีความบ้าลงจึงซื้อตุ๊กตามาให้เป็นของขวัญวันเกิด และบางครั้งก็ซื้อมาให้เป็นของขวัญปีใหม่ จนเป็นเรื่องที่โจษกันในกองทัพว่า “เสธ.แดงจะหายบ้า ต้องเอาตุ๊กตาไปให้” โดยเฉพาะตุ๊กตาจากค่ายวอลท์ดิสนีย์ อย่าง มิกกี้เมาส์ โดนัล ดั๊ก แต่ตุ๊กตาตัวโปรดของเขาก็ยังคงคอนเซ็ปคลั่งเครื่องแบบ คือเป็น “ตุ๊กตาคิตตี้” ที่ใส่ชุดทหารพราน
ดังจากคดีรื้อบาร์เบียร์
ชื่อของ เสธ.แดง เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเมื่อประมาณปี 2547 เนื่องจากคดีรื้อบาร์เบียร์ ย่านสุขุมวิท ซึ่ง เสธ.แดงถูก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ฟ้องหมิ่นประมาท กรณีที่ เสธ.แดงกล่าวหาว่า พล.ต.อ.สันต์ใช้อำนาจโดยมิชอบช่วยเหลือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีว่าจ้างมาเฟียทหารรื้อบาร์เบียร์ให้พ้นจากความผิด และเป็นผู้มีส่วนร่วมในการอุ้ม เสธ.แดงจากโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนหนังสือเรื่อง “คม...เสธ.แดง” ที่จนถึงปัจจุบันมีออกมาวางขายถึง 8 ภาคแล้ว โดยคดีดังกล่าวนั้นล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2552 ศาลทหารกรุงเทพฯ พิพากษาจำคุก เสธ.แดง เป็นเวลา 6 เดือน ปรับ 4 หมื่นบาท แต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี ซึ่ง เสธ.แดงได้ยื่นอุทธธรณ์เพื่อสู้คดีต่อ
ต่อมาในเดือน ก.พ.2549 เสธ.แดง ก็มีคดีความกับนายตำรวจระดับระดับสูงอีกครั้ง โดยถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจาก เสธ.แดงได้ให้สัมภาษณ์ในลักษณะว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำกำลังตำรวจเฉพาะกิจบุกเข้าจับกุมบ่อน ป.ประตูน้ำ เพราะต้องการให้นักพนันหันไปเล่นพนันที่บ่อนลอยฟ้า ย่านปิ่นเกล้าแทน แม้สุดท้ายคดีนี้ศาลจะตัดสินยกฟ้องไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2552 แต่ในวันรุ่งขึ้น เสธ.แดงก็ถูกศาลพิพากษาจำคุก 12 ปี ในคดีหมิ่นประมาท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่าอนุมัติหมายจับตนเองโดยมิชอบ โดยในช่วงที่ เสธ.แดงเป็นผู้ต้องหาหมิ่นประมาท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เรื่องบ่อน ป.ประตูน้ำ แต่เจ้าตัวไม่ยอมไปขึ้นศาล จึงถูกออกหมายจับกรณีหลบหนี และถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ นำหมายจับเข้ารวบตัวคาสนามบินสุวรรณภูมิ (เมื่อ 31 พ.ค.2550) ขณะที่เดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา แต่คดีหมิ่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นี้ เสธ.แดงได้ขอประกันตัวออกมาโดยใช้หลักทรัพย์เป็นตำแหน่งทหารยศ พล.ต.ของตัวเอง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการสู้คดี
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เสธ.แดง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมตัว เพราะหลายปีก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 25-26 ก.ย.2545 พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี ผกก.สส.น.2 (ตำแหน่งในขณะนั้น) ได้นำกำลังตำรวจนครบาล 2 พร้อมหมายจับของ สน.ดอนเมือง เข้าจับกุม เสธ.แดงในคดีทำร้ายร่างกาย นาวาอากาศโทวิชชา เนินลพ นายทหารหน่วยรักษาความปลอดภัยการท่าอากาศยานดอนเมือง แต่ เสธ.แดงต่อสู้ขัดขืนและใช้อาวุธปืนตบ พ.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ (ยศในขณะนั้น) ตำรวจชุดจับกุม และยังฟ้องกลับนายตำรวจที่เข้าจับกุม แต่ศาลพิจารณายกฟ้อง
ลูกสาวพันธมิตรฯ พ่อเสื้อแดง
ในส่วนของชีวิตครอบครัว นายทหารบ้าบิ่นคนนี้สมรสกับภรรยาซึ่งมีอาชีพเป็นทหารเช่นกัน แต่ปัจจุบันภรรยาของเขาเสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็ง เขาจึงอยู่กับบุตรสาวเพียง 2 คน แม้ 2 พ่อลูกจะรักและผูกพันกันมาก หากแต่เรื่องของอุดมการณ์ทางการเมืองนั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะขณะที่ “เดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล ทนายสาวแห่งสำนักกฎหมายสยามพรีเมียร์ จำกัด วัย 27 ปี ลูกสาวดนเดียวของ เสธ.แดง ประกาศตัวว่าเป็นพันธมิตรฯ และเข้าร่วมชุมนุมเพื่อปกป้องประเทศชาติและสถาบันกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองหลายครั้งหลายครา แต่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล นายทหารแห่งกองทัพไทยผู้เป็นพ่อกลับยืนยันที่จะอยู่ข้าง นช.ทักษิณ ชินวัตร และเดินหน้าเข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมุ่งใช้ความรุนแรงเข้าประหัตประหารผู้ที่คิดต่าง
ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในปี 2551 เสธ.แดง ปวารนาตัวเป็นครูฝึกกองกำลังเถื่อน ที่เขาเรียกว่า “นักรบพระเจ้าตาก” โดยตั้งให้เป็นการ์ดอาสาชุดดำของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งการ์ดชุดดำเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมาจากผู้ชุมนุมเสื้อแดงและทหารนอกรีต ที่เสธ.แดงอ้างว่าเป็นทหารพรานจากค่ายปักธงชัย ซึ่งนอกจากจะมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงแล้ว ยังมีภารกิจในการซุ่มโจมตีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนอมินีของ นช.ทักษิณ โดยเสธ.แดงมักจะออกมาประกาศข่มขู่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ว่าจะได้รับอันตรายจากกองกำลังที่เขาจัดตั้งขึ้น
“หนึ่งปีที่ผ่านมาของการชุมนุมของชาวเสื้อแดง จะมีการ์ดอาสาแต่งชุดดำมาคอยดูแลและมีทหารพรานเข้ามาร่วม เป็นทหารพรานจากค่ายปักธงชัย ซึ่งถูกพรรคประชาธิปัตย์ยุบไปเมื่อปี 2541 คนเหล่านี้เข้ามาช่วยเพราะรักคนเสื้อแดง ไม่อยากเห็นคนเสื้อแดงถูกทำร้าย ซึ่งก็ยอมทำผิดกฏหมายด้วยการแต่งชุดทหารพรานทั้งที่ออกจากราชการไปแล้ว เมื่อ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ทราบว่ามีทหารพรานมาร่วมชุมนุม จึงได้เรียกให้ผมเข้าไปช่วยดูว่า ถ้า 3 เกลอ (วีระ มุสิกพงศ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจตุพร พรหมพันธุ์) สู้กับพวกอำมาตย์อีกครั้งด้วยการล้อมทำเนียบ ล้อมสภา แล้วโดนทหารออกมาปราบเหมือนตอน เมษาฯ 52 พวกทหารพรานเหล่านี้จะไม่ยอม และจะสู้ด้วยการเอาอาวุธสงครามยิงรถถัง จะตายกันหมด เมื่อครั้งที่พันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนนั้น พวกพันธมิตรฯ ก็ถูกยิงโดยกองกำลังซึ่งแปรสภาพมาจากนักรบพระเจ้าตาก และนักรบโรนิน ซึ่งเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย” พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2552 พร้อมกับระบุว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตนายทหารที่ให้การสนับสนุนทักษิณ มอบหมายให้ตนมาดูแลทหารพรานกลุ่มนี้
แหล่งข่าวความมั่นคงระบุกับ ASTVผู้จัดการ ว่า นักรบพระเจ้าตากในสังกัดของเสธ.แดงนั้นมีการจัดแบ่งกองกำลังออกเป็น 3 ชุด คือ ทหารพราน ติดอาวุธ เป็นปืนอาก้า กับอาร์พีจี, นักรบพระเจ้าตากติดอาวุธปืนเอ็ม 16 อาก้า และระเบิดเอ็ม 79 ซึ่งชุดนี้เองเป็นกองกำลังชุดเดียวกับที่ถล่มสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีทางเรือ และชุดสุดท้ายเป็นกองกำลังที่คุ้มกันตัว เสธ.แดง เองมีประมาณ 20-40 คน ติดอาวุธเป็นระเบิดเอ็ม 79 เครื่องยิงจรวด เอ็ม 72 จรวดอาร์พีจี ระเบิดมือ ปืน AK47 (อาก้า) เอ็ม 16 A1 เป็นต้น ส่วนแหล่งสะสมอาวุธของกองกำลังของ เสธ.แดง นั้นมีหลายจุด คือ อาวุธหนักเก็บสะสมไว้ที่ กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน.4 รอ.) อาวุธเบาเก็บไว้ที่บ้านของ เสธ.แดง ขณะที่หากมีการเคลื่อนย้ายอาวุธ คนกลุ่มนี้ก็จะใช้โรงแรมราชา บริเวณถนนสุขุมวิท เป็นจุดส่งอาวุธ
สนามรบไซเบอร์ เสธ.แดง ดอตคอม
นอกจากจะหนุน นช.ทักษิณในทางบู๊แล้ว เสธ.แดงก็ยังเคลื่อนไหวในทางบุ๋นด้วยการเปิดเว็บไซต์ www.sae-dang.com เพื่อเชียร์ นช.ทักษิณผ่านโลกอินเทอร์เน็ต อีกทั้งใช้เป็นช่องทางในการป้อนข้อมูลข่าวสารโจมตีฝ่ายตรงข้าม และปลุกระดมชนชั้นกลางที่เป็นเสื้อแดงด้วย โดยจุดขายหลักๆ ของเว็บของ เสธ.แดงคือในส่วนของเว็บบอร์ดที่ เสธ.แดงมักโพสต์เรื่องราววีรกรรมที่สุดเถื่อนและระห่ำ ด้วยถ้อยคำ และภาพประกอบที่หยาบคาย ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์โจมตีการทำงานของรัฐบาล นายทหารระดับสูง และบรรดาองคมนตรีที่เขากล่าวหาว่าเป็นพวก “อำมาตย์” ที่คอยใช้อำนาจกลั่นแกล้ง นช.ทักษิณ ขวัญใจคนเสื้อแดง โจมตีการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระที่มีผลต่อคดีทุจริตคอร์รัปชันของทักษิณ และโจมตีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ รวมถึงตัดต่อภาพพิธีกรเอเอสทีวีซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของระบอบทักษิณในลักษณะตกขบขัน
ในช่วงที่มีการล่ารายชื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อถวายฎีกาต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ นช.ทักษิณ ซึ่งมีความผิดในคดีคอร์รัปชั่นนั้น เสธ.แดงได้เคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์ของเขา ด้วยการโพสต์ข้อความประกอบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะประทับในรถถัง ซึ่งเขานำมาลงในเว็บไซต์เสธ.แดง ว่า “รูปกษัตริย์นักรบซึ่งหาดูได้ยาก ในหลวงทรงนั่งรถถัง ขอให้กองทัพแดงจงมั่นคงเดินหน้าถวายฎีกาต่อไปอย่าสั่นคลอน พระองค์ยังไม่ได้ว่าอะไรประชาชนสีแดงสักคำ” ซึ่งการกระทำดังกล่าวของ เสธ.แดงนั้นนับเป็นสิ่งมิบังควรอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ sae-dang.com นั้นถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์ใต้ดินที่มีเรตติ้งดีทีเดียว เพราะมีตัวเลขผู้เข้าชมรวมแล้วถึงกว่า 41 ล้านครั้ง โดยเฉพาะบรรดาผู้ชื่นชอบทักษิณต่างก็เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมายล้นหลาม แต่ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าจากเดิมเว็บบอร์ดของเสธ.แดง นั้นเปิดให้คนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของเว็บเข้าไปอ่านได้ แต่หลังจากที่เสธ.แดง ถูกกองปราบฯ นำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา และมีความพยายามจะจับกุมตัวเสธ.แดง ในวันรุ่งขึ้น (22 ม.ค.2553) เว็บบอร์ดของเสธ.แดงก็ถูกบล็อกทันที โดยผู้ที่จะเข้าไปอ่านข้อความในเว็บบอร์ดจะต้องเป็นสมาชิกและมีรหัสผ่านเท่านั้น
นอกจากการเคลื่อนไหวทั้งบนดิน ใต้ดิน และในโลกไซเบอร์แล้ว เสธ.แดง ยังพยายามโชว์ศักยภาพในการรวมพลคนเสื้อแดงที่นอกจากจะรักทักษิณแล้วยังชื่นชอบวิธีการอันดุดันป่าเถื่อนของนายทหารนอกรีตอย่างเขา โดยการตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมา ใช้ชื่อว่า “พรรคขัตติยะธรรม” ซึ่งเจ้าตัวให้ความหมายว่า หมายถึงพรรคที่ทำงานโดยใช้ธรรมะแบบพระราชาเป็นหลักนำทาง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้จะเป็นพรรคของเขา แต่ เสธ.แดงกลับไม่ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอง แต่ให้ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา เป็นหัวหน้าพรรคแทน ซึ่งเริ่มแรกที่ก่อตั้งพรรคนั้น เสธ.แดงยื่นขอจดทำเบียนพรรค ในชื่อ “พรรค เสธ.แดง” โดยใช้ สัญลักษณ์พรรคเป็น “ทหารใส่เครื่องแบบชุดราชวัลลภ ขี่ม้าขาว” แต่ก็ถูกคัดค้านจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะตามระเบียบแล้วจะนำชื่อบุคคลมาใช้เป็นชื่อพรรคไม่ได้ และการนำเครื่องแบบทหารมาใช้เป็นสัญลักษณ์เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เสธ.แดง จึงยื่นจดทะเบียนพรรคใหม่ในชื่อพรรคขัตติยะธรรม และเปลี่ยนมาใช้รูป “ทหารในชุดนักรบโบราณ ขี่ม้าขาว” เป็นสัญลักษณ์พรรคแทน ส่วนสีประจำพรรคคือ “สีแดง” เหมือนกับชื่อของเขา และเป็นสีเดียวกับกลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณด้วย ซึ่งหากจะกล่าวว่าพรรคขัตติยะเป็นหนึ่งในพรรคนอมินีของทักษิณก็คงไม่ผิดนัก เพราะคนที่ชื่นชอบและเป็นสมาชิกพรรคนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสิ้น
ทหารกล้า หรือขลาดเขลา?
อย่างไรก็ดี ในขณะที่ เสธ.แดงประกาศข่มขู่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ว่าจะต้องบาดเจ็บล้มตายจากระเบิด M79 หากยังดื้อดึงชุมนุมในทำเนียบรัฐาล พร้อมกับประกาศความสำเร็จผ่านเว็บไซต์ เสธ.แดง หลังจากมีระเบิดเกิดขึ้นจริง แต่ในเดือน พ.ย.2551 เมื่อถูกกองทัพบกตั้งกรรมการสอบในกรณีดังกล่าวทั้งทางวินัยและทางอาญา เสธ.แดงกลับปฎิเสธว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว และแก้ตัวว่าที่ออกมาให้สัมภาษณ์ก็เป็นเพียงการแจ้งเตือนพันธมิตรฯเท่านั้นมิใช่การข่มขู่แต่อย่างใด อีกทั้งยังชี้แจงกรณีการฝึกกำลังนักรบพระเจ้าตากด้วยว่าได้ยุติการฝึกไปแล้ว ซึ่งขัดแย้งกับการให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2552 อย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ ในช่วงที่ถูกตั้งกรรมการสอบ เสธ.แดง ยังออกมาแสดงความเห็นที่มิบังควรโดยกล่าวว่า “ใครก็ปลดผมไม่ได้ คนที่จะปลดผมได้มีคนเดียวคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนคนเสนอชื่อขึ้นไปคือ ผบ.ทบ. ผ่าน ผบ.ทหารสูงสุด และปลัดกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่ง ผบ.ท.บ.คงจะเกษียณก่อนที่จะมาปลดผม ผมคงไม่ไปเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด”
ทว่า การตั้งกรรมการสอบสวน เสธ.แดง ในครั้งนั้นสุดท้ายก็เป็นเพียงข่าวชั่วครั้งชั่วคราวที่สุดท้ายลอยหายไปกับสายลม กระทั่งเมื่อเดือน ธ.ค.2552 ที่ผ่านมา เสธ.แดง ก็ถูกตั้งกรรมการสอบอีกครั้งหลังจากที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาระบุว่าเป็นหน้าที่ของกองทัพที่ต้องตรวจสอบกรณีที่ เสธ.แดงนำทหารพรานมาเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2552 เพราะการนำทหารพรานมาสู้กับข้าราชการทหารและตำรวจคงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้กองทัพนั่งไม่ติดและมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย เสธ.แดง ซึ่งผลการสอบเสนอให้มีการสั่งพักราชการ เสธ.แดง โดยไม่มีกำหนด และได้มีการส่งผลการสอบสวนให้ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พิจารณา
ทันทีที่มีข่าวว่าเขาจะถูกสั่งพักราชการ เสธ.แดงก็ออกมาประกาศกร้าวว่าหากเขาถูกสั่งพักราชการจริงก็ไม่รับรองรองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อ พล.อ.ประวิตร ลงนามสั่งพักราชการ เสธ.แดง และให้ลงโทษทางวินัยและอาญาในความผิดสองกรณี คือ 1.หนีราชการไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา และ 2.ให้สัมภาษณ์หมิ่นผู้บังคับบัญชา ต่อมาในช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 ม.ค.2553 ก็ปรากฏว่าตึกบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเป็นที่ทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ถูกยิงถล่มด้วย M-79 ซึ่งจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของ เสธ.แดง ทำให้ทางกองปราบปรามและกองทัพบกตัดสินใจสนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของ เสธ.แดง และลูกน้อง ในย่านเกียกกาย ในช่วงบ่ายวันที่ 21 ม.ค.2553 และได้พบอาวุธสงครามจำนวนมาก ซึ่งทันทีที่ เสธ.แดงทราบเรื่องก็ออกมาบอกปัดทันทีว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของตน แต่น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มนักรบศรีวิชัย พร้อมทั้งกล่าวข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ ผู้บังคับบัญชาด้วยว่าให้ระวังชีวิตลูกเมียให้ดี
ในเย็นวันเดียวกันกับที่มีการนำกำลังบุกค้นบ้านพัก เสธ.แดง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำกำลังไปดักจับเจ้าตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากทราบข่าวว่า เสธ.แดงจะบินกลับจากหาดใหญ่ในช่วง 21.00 น. แต่กลับไม่มีวี่แววของทหารกล้านาม เสธ.แดงแต่อย่างใด จนมีข่าวเล่าลือว่าเสธ.แดงอาจหนีไปอยู่ต่างประเทศเช่นเดียวกับ นช.ทักษิณ ขวัญใจของเขา ต่อมาในช่วงค่ำวันที่ 23 ม.ค.2553 เสธ.แดงก็ปรากฏตัวที่บ้านพักของเขาใน ม.พัน 4 รอ.ย่านเกียกกาย โดยบอกกับนักข่าวที่ไปรอทำข่าวว่ามาตรวจสอบความเสียหาย ก่อนที่เขาจะเดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขาสอยดาว
หมอดูเคยทักดวงหายนะ
ปัจจุบัน เสธ.แดง ในวัย 58 ปี ดูจะมีชีวิตที่ผลิกผันและตกต่ำถึงขีดสุด จากนายทหารที่ไปไหนก็มีแต่คนกริ่งเกรงบารมี กลับกลายเป็นนายทหารที่ถูกติดตามจับกุมตัวอย่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ ซึ่งดูจะตรงกับคำทำนายของ “หมอนิด” กิจจา ทวีกุลกิจ หมอดูชื่อดัง ซึ่งเคยทำนายดวงของเสธ.แดง ไว้เมื่อต้นปี 2552 ว่า
“ในปี 2552 ดวงจะไม่ดีเอามากๆ แต่เจ้าชะตาเป็นคนบุ่มบ่ามบ้าบิ่นแบบขาดสติ เกรงว่าสิ่งที่คิดหรือทำหากประสบความสำเร็จก็มีแต่ความหายนะอย่างใหญ่หลวง ในทางกลับกันความล้มเหลวก็สามารถเกิดขึ้นจนเจ้าตัวต้องเดือดร้อนอย่างมากเช่นกัน หากเปรียบเทียบกันแล้ว เสธ.แดงคงจะ ‘สอบตก’ เพราะฝีมือเพชฌฆาตที่ฉมังและเป็นมืออาชีพยังมีอยู่มาก และ เสธ.แดงเป็นได้อย่างมากเพียงผู้ส่งเสบียงเท่านั้นเอง ดวงของ เสธ.แดงกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ ถึงแม้ว่าจะมีฝีมือก็คงจะแสดงไม่ได้เต็มที่หรือจะเสนอตัวก็คงจะถูกปฏิเสธไม่ให้มีส่วนร่วมงานสำคัญๆ ดังนั้นจากดวง เสธ.แดงน่าจะเก็บเนื้อเก็บตัวเอาไว้ก่อนดีที่สุด ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียกับตัวเองมากขึ้น และอนาคตของ เสธ.แดงคงจะขยับยาก เพราะในฐานดวงมีอริติดอยู่ หากเสธ.แดงนิ่งๆ เอาไว้ระยะนี้ ในปี 2553 อาจจะได้ตำแหน่งบ้างเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอ แต่ถ้าดิ้นรนมากจะเป็นการทำลายอนาคตตัวเองได้เช่นกัน เส้นทางชีวิตสะดุดมาตลอด และมักจะมีอุปสรรคต่างๆ ตลอดเวลา ความสำเร็จในการกระทำปีนี้ (2552) คิดว่ายากที่จะสมหวังหากพูดไม่หยุด ขอให้ระวังจะเป็นภัยกับตนเอง ผู้เขียน (หมอนิด) คงไม่ขอแนะนำอะไรไปมากกว่านี้ เพราะถึงแม้เสธ.แดงคิดทำการใดก็จะผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงจริงๆ”
นับแต่นี้คงต้องจับตาดูว่า.. เจ้าหน้าที่ตำรวจและกองทัพจะสามารถติดตามตัว เสธ.แดงมาดำเนินได้หรือไม่ และ เสธ.แดง จะเลือกทางเดินสายใดให้กับตัวเอง เข้ามอบตัวอย่างหมาจนตรอก หรือ หนีหัวซุกหัวซุนอย่าง “นายใหญ่” และ “อีเพ็ญ” บอกได้คำเดียวว่างานนี้ “ห้ามกะพริบตา!”
* * * * * * * * * * * *
เรื่อง - จินดาวรรณ สิ่งคงสิน