xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 18-24 ม.ค.2553

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีใหม่ 5 คนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ โรงพยาบาลศิริราช(18 ม.ค.)
คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1. “ในหลวง” ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง –ทรงย้ำให้ รมต.ใหม่ ซื่อสัตย์-สุจริต!

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่จำนวน 5 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรัฐมนตรีใหม่ทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ,นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ,นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ,นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนางพรรณสิริ กุลนาถสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานแก่รัฐมนตรีใหม่ โดยทรงขอให้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตสมดังที่ได้ปฏิญาณตน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ “เป็นประเพณีที่รัฐมนตรีจะเข้ารับตำแหน่งก็ต้องปฏิญาณตนว่าจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อันนี้ก็ไม่เป็นปัญหาว่าควรจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ข้อสำคัญก็ขอให้ทำได้จริง เพราะว่าถ้าไม่ได้ทำก็จะมีการตำหนิติเตียนรัฐบาลทั้งรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะไม่เป็นมงคล และจะเสียหาย ...ถ้าทำแล้วก็จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง เพราะคนจะนับถือว่าผู้ที่เป็นรัฐมนตรี เป็นคนที่ดี เป็นคนที่ปฏิบัติดีชอบทุกอย่าง ก็ขอให้ท่านได้ทำตามคำปฏิญาณ...”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิแพทย์อาสา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(พอสว.) และประชาชน ณ โรงเรียนสามพิทยาคม จ.หนองคายว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นมาก ไม่ทรงมีพระอาการอะไร หรือพระโรคอะไรเลย ทรงทำฟิสิกส์คอลเทอราปี เพื่อฟื้นพระกำลังที่ขาและพระองค์ทรงขับจักรยานอยู่กับที่ ทรงขับได้วันหนึ่งเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร วันละประมาณ 30 นาที สาเหตุที่ยังประทับอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะเครื่องมือต่างๆ ที่โรงพยาบาลดีพร้อม ทรงออกพระกำลังด้วยการเดิน วันไหนพระทัยเร็วก็จะเดินเร็วจนเกือบจะเป็นวิ่ง ไม่มีพระอาการรุนแรงแล้ว อยากให้สบายใจได้

2. “แกนนำเสื้อแดง” กลับลำ ไม่บุก รพ.ศิริราช หลังถูกสวดยับ ด้าน “ทักษิณ”ลั่น พร้อมตั้ง รบ.พลัดถิ่นสู้!
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีจำคุก 2 ปี โฟนอินมายังเวทีคนเสื้อแดงที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี(23 ม.ค.)
ความคืบหน้ากรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นำคนเสื้อแดงบุกเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา เพื่อชุมนุมหน้าบ้านพัก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เมื่อวันที่ 11 ม.ค. เพื่อทวงความยุติธรรมกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ไม่ถูกดำเนินคดีฐานครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยง หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์ เนื่องจากไม่เจตนาทำผิด ขณะที่ พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมทำตามกฎหมาย หากกรมป่าไม้ชี้ขาดว่าอย่างไร นอกจากนี้แกนนำ นปช.ยังประกาศจะไปชุมนุมที่สนามกอล์ฟเขาสอยดาว จ.จันทบุรี เนื่องจากสงสัยว่าเป็นของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมอ้างว่า พื้นที่สนามกอล์ฟดังกล่าวบุกรุกป่าสงวนแห่งชาตินั้น

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. แกนนำ นปช.ได้นำมวลชนคนเสื้อแดงประมาณ 200 คน ไปยื่นหนังสือผ่านสำนักราชเลขาธิการ ที่หน้าทำเนียบองคมนตรี จี้ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.เปรมพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีและประธานองคมนตรี วันต่อมา(19 ม.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ได้นำคลิปเสียงที่อ้างว่า เป็นของนายนพดล พิทักษ์วานิช ผู้ที่ซื้อที่ดินบริเวณเขายายเที่ยงต่อจากนายเบ้า สินนอก หรือพระเบ้า มาเปิดแถลงต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้ ในเทปดังกล่าว นายณัฐวุฒิ ถามนายนพดลว่า มีข่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.สุรฤทธิ์ (จันทราทิพย์ อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการผู้ช่วย ผอ.รักษาความมั่นคง) บอกว่าซื้อที่ดินดังกล่าวจากนายนพดลในราคา 5 หมื่นบาท ด้านนายนพดล ตอบทำนองปฏิเสธ โดยบอกว่า “โดยสามัญสำนึก คนทั่วไปน่าจะรู้ ถ้าซื้อมา 7 แสนบาท แล้วขายเพียง 5 หมื่นบาท เป็นไปไม่ได้ และผมไม่เคยรับเงินจากใคร แน่จริงไปสาบานต่อหน้าแม่ย่าโมก็ได้” ขณะที่นายณัฐวุฒิ ได้จี้ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ลาออกจากองคมนตรีภายใน 2 วัน หาไม่แล้ว ตนจะเปิดคำสนทนาระหว่างตนกับพระเบ้า และว่า “หากฆราวาสไล่ออกไม่ได้ ก็ต้องให้ผ้าเหลืองมาไล่ถึงจะออก”

ด้าน พล.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ เปิดแถลงในวันต่อมา(20 ม.ค.) โดยยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นนอมินีของ พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมย้ำว่า ตนซื้อที่ดินบนเขายายเที่ยงจากนายนพดล พิทักษ์วานิช จริง โดยเมื่อปี 2540 เกิดวิกฤตการเงิน นายนพดลได้มาขอร้องตนให้ช่วยซื้อที่ดิน เพราะกำลังโดนฟ้องล้มละลาย และว่า นายนพดลมีที่ดินให้ตนเลือก 2 ผืน “คือที่ดินในเมือง ใกล้หนองน้ำ เป็นหมู่บ้าน ส่วนอีกผืนคือผืนนี้ที่เขายายเที่ยง หมู่ 6 ผมไม่มีความรู้ แต่ขึ้นไปดูที่เขายายเที่ยง ก็ชอบ และชอบที่จะช่วยเหลือนายนพดล จึงได้ตกลงกัน นายนพดลนำหลักฐานมาให้ดูว่า ซื้อต่อจากนายเบ้า (สินนอก หรือพระเบ้า) และพาผมไปทำสัญญาซื้อขาย และโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้ให้เมื่อปี 2540” พล.อ.สุรฤทธิ์ บอกอีกว่า หลังจากซื้อที่ดิน ก็เข้าไปขอน้ำ ขอไฟติดต่อราชการทุกหน่วยงาน ไม่เคยมีใครบอกว่าเขตนี้เป็นเขตป่าสงวนฯ จึงไม่ทราบจริงๆ และว่า ต่อมา ตนได้ยกที่ดินผืนนี้ให้ท่านผู้หญิงจิตรวดี (ภริยา พล.อ.สุรยุทธ์) ไปแล้ว “ผมไม่โกหก หากจะให้ไปสาบานที่ไหน ยินดีเสมอ สิ่งที่ผมพูดเป็นความเป็นจริง และไม่เป็นจริงอย่างที่นายนพดลพูดในเทปเลย”

ด้านนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ได้ออกมาขู่ว่า คนเสื้อแดงจะไปโรงพยาบาลศิริราช เพื่อถวายรายงานเรื่อง พล.อ.สุรยุทธ์บุกรุกที่ดินเขายายเที่ยงให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ โดยอ้างว่า พวกตนทำทุกทางแล้ว แต่ทุกฝ่ายก็นิ่งเฉย “พวกเราดำเนินการมาจนสุดทางแล้ว แต่เมื่อศาลไม่เอาผิด อัยการไม่สั่งฟ้อง ตำรวจไม่ดำเนินการ แม้กระทั่งกรมป่าไม้ยังนิ่งเฉย จึงคิดว่าหนทางสุดท้ายที่ประชาชนจะขอพึ่งพิงได้คือในหลวง ซึ่งเราจะใช้ทุกช่องทางที่จะสามารถถวายรายงานต่อพระองค์ได้ ...ผมและประชาชนอาจจะต้องเดินทางไปถวายความจงรักภักดีและถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช จากนั้นประสานเจ้าหน้าที่หรือผู้แทนพระองค์มารับรายงานของเราที่นำมาทูลเกล้าฯ ถวายเลย”

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกหลายฝ่ายตำหนิว่าเป็นการกระทำที่ไม่บังควร ในที่สุด แกนนำเสื้อแดงได้ยกเลิกการไปถวายรายงานที่โรงพยาบาลศิริราช โดยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง อ้างว่า เมื่อกรมป่าไม้ออกมาชี้แจงแล้วว่า พล.อ.สุรยุทธ์ไม่มีสิทธิถือครองที่ดินเขายายเที่ยงและสั่งให้ออกจากพื้นที่แล้ว แกนนำเสื้อแดงก็ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลศิริราช ส่วนการเรียกร้องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีนั้น นายสุภรณ์ บอกว่า จะปล่อยให้เป็นเรื่องจิตสำนึกของ พล.อ.สุรยุทธ์เอง เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมป่าไม้ จะสรุปผลว่า พล.อ.สุรยุทธ์ขาดคุณสมบัติในการถือครองที่ดินบนเขายายเที่ยง ต้องคืนที่ดินให้กรมป่าไม้ภายใน 30 วัน แต่นายสุภรณ์ก็ยังไม่พอใจ โดยจี้ให้มีการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา พล.อ.สุรยุทธ์ “แม้กรมป่าไม้ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ย้ายออกแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าการดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ดังนั้น หลังจากนี้ไปอีก 7 วัน หากไม่ดำเนินคดีต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ทั้งทางแพ่งและอาญา คนเสื้อแดงจะไปกรมป่าไม้และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้นายกฯ ดำเนินคดีกับ พล.อ.สุรยุทธ์ให้ถึงที่สุด”

ส่วนความเคลื่อนไหวกรณีที่แกนนำ นปช.นัดชุมนุมคนเสื้อแดงที่สนามกอล์ฟเขาสอยดาวเมื่อวันที่ 23 ม.ค. โดยจุดมุ่งหมายของคนเสื้อแดงเพื่อต้องการสอย พล.อ.เปรมพ้นตำแหน่งประธานองคมนตรี เพราะสงสัยว่าเป็นเจ้าของหรือเกี่ยวข้องกับการครอบครองที่ดินสนามกอล์ฟดังกล่าวที่บุกรุกป่าสงวนนั้น ปรากฏว่า มีคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมประมาณ 6 พันคน โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.และ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จี้ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการถือครองที่ดินของบริษัท สวนจันทบุรี ที่เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟดังกล่าว พร้อมขู่ด้วยว่า คนเสื้อแดงจะดาวกระจายไปยื่นหนังสือต่อกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรฯ กรมป่าไม้ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมที่ดิน ให้สอบการถือครองที่ดินดังกล่าวว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีจำคุก 2 ปี ได้โฟนอินมายังเวทีคนเสื้อแดงที่เขาสอยดาวในช่วงค่ำ โดยนอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดเท็จเพื่อเอาใจคนเสื้อแดงว่า จำนวนคนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมที่เขาสอยดาวมากกว่าจำนวนผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังประกาศด้วยว่า ตนจะสู้ไม่ถอย “ผมไม่ถอยแน่ ถึงมีปฏิวัติก็ไม่ถอย ปฏิวัติเมื่อไหร่ได้เจอกันแน่ พี่น้องสู้ในเมืองไทย ผมจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นสู้ที่เมืองนอก”

3. “เสธ.แดง” อ้าง ไม่เกี่ยวยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กองทัพบก พร้อมขู่ “อนุพงษ์”อีก หลังศาลไม่อนุมัติหมายจับ!

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ตรวจความเสียหายในบ้านพัก หลังถูกตำรวจตรวจค้นอาวุธ(23 ม.ค.)
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. มีรายงานข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะขบวนรถยนต์ประจำตำแหน่งที่ใช้ในการสัญจรปฏิบัติภารกิจ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกำลังพลรักษาความปลอดภัยที่บ้านพักย่านพุทธมณฑล ที่ภรรยาและบุตรพักอาศัยอยู่ ขณะที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์(ร.1 รอ.) มีการติดกล้องซีซีทีวีเพิ่ม รวมทั้งมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เหตุที่ พล.อ.อนุพงษ์ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากเมื่อเวลา 03.00น.วันที่ 14 ม.ค. ได้มีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้ามาที่ตึกกองบัญชาการกองทัพบก บริเวณห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้สะเก็ดระเบิดยังทำให้กระจกแตก 1 บาน คาดว่าคนร้ายยิงระเบิดมาจากด้านหลังกองทัพบก

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดจากกรมสรรพาวุธทหารบก ประเมินว่า เป้าหมายของคนร้ายคือ ต้องการข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีการเสนอข่าวว่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหม สั่งพักราชการเพียง 1 วัน แต่มีความพยายามปิดข่าวจากผู้บังคับบัญชาในกองทัพบก เพราะไม่ต้องการให้กองทัพบกถูกมองว่ามีความหละหลวมในการรักษาความปลอดภัย

ทั้งนี้ นอกจากคนร้ายจะยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ห้องทำงาน พล.อ.อนุพงษ์แล้ว ยังมีข่าวด้วยว่า คนร้ายได้ยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่บริเวณหน้ากระทรวงกลาโหมด้วย แต่ทาง พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีเหตุดังกล่าว

ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลง(21 ม.ค.)ว่า คนร้ายได้ยิงระเบิดใส่อาคารกองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.)จริง แต่จุดเกิดเหตุอยู่คนละฝั่งกับห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ โฆษกกองทัพบก ยังชี้ด้วยว่า เหตุระเบิดดังกล่าวน่าจะเป็นความพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความสับสนในสังคมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี และไม่น่าจะเป็นการปองร้ายผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ พร้อมย้ำ พล.อ.อนุพงษ์ไม่ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามที่มีข่าว

หลังเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว หลายฝ่ายต่างพุ่งเป้าไปที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดหรือไม่ ซึ่ง เสธ.แดงได้รีบออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว พร้อมอ้างว่า อาจเป็นฝีมือของ “นักรบโรนิน”หรือซามูไรไร้สังกัด หรืออาจจะเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัยที่ต้องการมาล้างแค้น พล.อ.อนุพงษ์ก็ได้ เสธ.แดง ยังเย้ย พล.อ.อนุพงษ์ด้วยว่า การที่กองทัพบกถูกคนร้ายยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79 ถือว่าเป็นความอับอายที่สุดของกองทัพบก เพราะตั้งแต่ตั้งมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบัน 122 ปี ไม่เคยถูกใครยิงมาก่อน ไม่เท่านั้น เสธ.แดง ยังพูดทำนองข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ด้วย “...ขอเตือนว่า ขอให้นำภรรยาและลูกย้ายออกจากบ้านพักในซอยพุทธมณฑล 68 มาพักอยู่ที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย และ พล.อ.อนุพงษ์ต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว เพราะผมเชื่อว่า ทางกองกำลังไม่ทราบฝ่ายอาจจะมีการยิงถล่มจนกว่า พล.อ.อนุพงษ์จะลาออก หากไม่ลาออกก็จะทำให้ พล.อ.อนุพงษ์เหมือนตายทั้งเป็น ดังนั้นขอเตือนและแนะนำว่า ให้รีบนำตาข่ายมาห่อตัวตึกกองบัญชาการกองทัพบกไว้ เพื่อป้องกันลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่จะถูกยิงเข้ามา”

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ.อนุพงษ์ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ เพื่อประเมินสถานการณ์กรณีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ บก.ทบ. จากนั้นในช่วงเย็น พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำทีมตำรวจและทหารพระธรรมนูญ เข้าตรวจค้นบ้านพักของ เสธ.แดงภายใน ม.พัน 4 รอ. พบระเบิดสังหารชนิดเอ็ม 26 จำนวน 1 ลูก อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 พร้อมกระสุนปืน นอกจากนี้ได้ตรวจค้นภายในรถเบนซ์ตู้ พบระเบิดเอ็ม 26 และอาวุธปืน .32 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุน รวมทั้งกระสุน .22 อีกหลายร้อยนัด ระหว่างตรวจค้น เสธ.แดงไม่อยู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัว พลฯ มนัสชัย คำพร ทหารที่ดูแลบ้าน และนายเอกลักษณ์ วิเศษวงศา คนรับใช้ในบ้านไปสอบปากคำ

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทหารอีกชุดหนึ่งได้เข้าตรวจค้นบ้านพักแฟลตชุมชนทหารห้องที่ 9 ภายใน ม.พัน 3 รอ. พบลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 10 ลูก ระเบิดเคโม 3 ลูก กระสุนปืนเอ็ม 16 ประมาณ 400 นัด กระสุนปืนอาก้าอีกหลายร้อยนัด ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 79 ที่ใช้แล้ว 2 ปลอก กระสุนปืน ปตอ.ขนาด 50 มม.ประมาณ 60 นัด เสื้อเกราะ 2 ตัว แผงวงจรพร้อมเชื้อปะทุฝักแค เครื่องยิง 2 ชุด นอกจากนี้ได้ค้นภายในรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง พบกระสุนเอ็ม 79 จำนวน 22 นัด กระสุนปืนเอ็ม 16 ประมาณ 300 นัด ระเบิดซีโฟร์ 3 แพค ระเบิดทีเอ็นที 3 ขนาด จำนวน 13 แท่ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ สุวรรณราช อดีตพลขับของ เสธ.แดงไปสอบปากคำ โดย จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ ให้การว่า เคยเป็นลูกน้องของ เสธ.แดงเมื่อหลายปีก่อน แต่เมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ก็แยกตัวออกมา โดยไม่ได้ใกล้ชิดกับ เสธ.แดงแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม บอกว่า ผู้ต้องหาทั้งสามคนที่ควบคุมตัวไว้ จะถูกดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ขณะที่ พล.ต.ท.สัณฐาน บอกว่า จะตรวจสอบของกลางทั้งหมดว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุที่ บก.ทบ.หรือไม่

ทั้งนี้ นอกจากผู้ต้องหาทั้งสามที่เป็นลูกน้อง เสธ.แดงแล้ว วันต่อมา(22 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้นำกำลังเข้าจับกุมนายอำนาจ อินทรโชติ ฉายา “มือปืน 9 นิ้ว” ที่บ้านพักย่านคลองเตย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยได้ตัวพร้อมของกลางเครื่องกระสุน .38 จำนวน 5 นัด ซองกระสุน 3 อัน ฯลฯ

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังมีข่าวว่าตำรวจเตรียมขอศาลออกหมายจับ เสธ.แดง ปรากฏว่า เสธ.แดง ซึ่งอยู่ที่ จ.สงขลา และมีกำหนดจะเดินทางกลับ กทม.เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ได้เปลี่ยนใจไม่ยอมเดินทางกลับ โดย เสธ.แดง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ไม่ได้หลบหนี แต่ถ้ามีการออกหมายจับ จะส่งทนายไปร้องศาลให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อยกเลิกหมายจับ เพราะเป็นการทำผิดขั้นตอน ต้องออกหมายเรียกก่อน เสธ.แดง ยังอ้างด้วยว่า อาวุธที่เจ้าหน้าที่ยึดจากบ้านตนนั้น มีเพียงปืนพกขนาด .32 เท่านั้นที่เป็นของตัวเอง ซึ่งมีทะเบียนถูกต้อง ส่วนระเบิดไม่ใช่ น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจยัดของ

ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม เผยว่า พนักงานสอบสวนได้ขอศาลออกหมายจับ เสธ.แดง ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ หลังจากพบว่าหลักฐานบางส่วน รวมทั้งคำให้การของพยานยืนยันว่า เสธ.แดงเกี่ยวพันกับอาวุธดังกล่าว แต่ศาลยกคำร้อง และให้ออกหมายเรียกแทน โดยให้เหตุผลว่า เสธ.แดงเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มีสถานที่ทำงานและที่พักเป็นหลักแหล่ง

ด้าน เสธ.แดง ได้ออกมาคุยโวที่ศาลไม่อนุมัติหมายจับตน พร้อมพูดข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์อีก “การที่ไปข่มขู่บังคับทหารเกณฑ์ในบ้านผม การกระทำลักษณะนี้ถือว่า บ้า ตอนนี้ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวอีก 7 เดือน พล.อ.อนุพงษ์จะเกษียณอายุราชการ แล้วมากินก๋วยเตี๋ยวปากซอย กองทัพแดงจะไปกระทืบ ซึ่งผมจะไม่เข้าไปช่วย ...กูเชื่อว่า อีก 7 เดือนข้างหน้า เสื้อแดงจะกระทืบมึง และกูจะไม่ช่วยเลย” เสธ.แดง ยังย้ำให้ พล.อ.อนุพงษ์ พาลูกและเมียไปอยู่ค่ายทหารกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เนื่องจากอาจจะมีคนที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการถล่มมาคอยเอาคืน เสธ.แดง ยังบอกอีกว่า วันที่ 25 ม.ค.นี้ จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก พร้อมกับ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ประธานคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันนี้(24 ม.ค.) เสธ.แดง ได้ออกมาพูดใหม่ว่า ต้องเลื่อนการเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนออกไปก่อน เพราะต้องเดินทางไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงที่ จ.พิษณุโลก ส่วนจะเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อไหร่นั้น ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่ามีการสั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศตามล่า เสธ.แดง เพื่อนำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดี “เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย เราไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะไปเกี่ยวข้อง ...อยากให้สื่อมวลชนแก้ข่าวให้ผมด้วย เพราะไม่เคยคุยกับใครในเรื่องนี้ และกองทัพบกไม่เคยมีการประชุมสั่งการให้หน่วยทหารไปตามล่าจับ เสธ.แดง เพราะเราไม่มีอำนาจหน้าที่ไปจับ มันไม่ใช่เรื่อง”

4. “บรรหาร” เดินสายกล่อมพรรคร่วม รบ.หนุนแก้ รธน. ด้าน “พันธมิตรฯ” ประกาศคัดค้านถึงที่สุด!

นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา หารือกับนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน และแกนนำพรรคภูมิใจไทยเรื่องแก้ รธน.ที่โรงแรมสยามซิตี้(20 ม.ค.)
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคได้ผนึกกำลังกันเข้าชื่อเพื่อยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ใน 2 ประเด็นให้สภาพิจารณา โดยไม่สนว่าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแกนหลักในรัฐบาลจะเข้าชื่อด้วยหรือไม่ โดยนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา บอก(17 ม.ค.)ว่า ขณะนี้ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ร่วมกันลงชื่อครบ 1 ใน 5 ของสมาชิกรัฐสภา หรือไม่น้อยกว่า 95 คน เพื่อเตรียมยื่นร่างแก้ไข รธน.ใน 2 ประเด็นต่อประธานสภาแล้ว ประกอบด้วย มาตรา 190 การทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ต้องผ่านรัฐสภาก่อน และมาตรา 94 เกี่ยวกับการเลือกตั้งจากเขตใหญ่เรียงเบอร์เป็นเขตเดียวเบอร์เดียว

2 วันต่อมา(19 ม.ค.) พรรคภูมิใจไทยได้ประชุม ส.ส.พรรค เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ รธน. หลังประชุม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค บอกว่า เบื้องต้นมีการกำหนด 3 ประเด็น 4 มาตรา ที่จะเป็นมติร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนา คือ มาตรา 94 ว่าด้วยเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง มาตรา 265 และ 266 ว่าด้วยการรับตำแหน่งของ ส.ส.และ ส.ว. และมาตรา 190 ทั้งนี้ วันเดียวกัน พรรคเพื่อแผ่นดินได้ประชุม ส.ส.ของพรรคเช่นกัน โดยมีมติเสนอร่างแก้ไข รธน.เข้าสู่การพิจารณาของสภาใน 2 มาตรา คือ มาตรา 190 และมาตรา 94

วันต่อมา(20 ม.ค.) แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยได้นัดรับประทานอาหารร่วมกันที่โรงแรมสยามซิตี้ เพื่อหารือเรื่องแก้ รธน. ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า มีอดีตแกนนำพรรคที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้าร่วมหารือด้วยหลายคน เช่น นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ,นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน และแกนนำพรรคภูมิใจไทย ฯลฯ

หลังประชุม แกนนำทั้ง 2 พรรคได้เปิดแถลงร่วมกัน โดยนอกจากจะประกาศจุดยืนร่วมกันในการแก้ รธน.2 มาตรา คือมาตรา 190 และ 94 แล้ว ทั้งสองพรรคยังประกาศเจตนารมณ์จะทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกันทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยยืนยันว่า จะร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายบรรหาร ได้กล่าวระหว่างประชุมแกนนำทั้ง 2 พรรคว่า ตนจะเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวแก้ รธน.2550 ใน 2 ประเด็นคือ มาตรา 190 และ 94 เพราะเห็นว่าเป็นมาตราที่เป็นประโยชน์ และว่า หลังจากนี้จะเดินสายพบปะแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เพื่อหาแนวร่วมมาช่วยกันสนับสนุนการแก้ไข รธน.2 มาตราดังกล่าว

ด้านผู้สื่อข่าวได้ไปถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยประกาศจุดยืนให้แก้ รธน.ใน 2 มาตรา พรรคประชาธิปัตย์จะไปร่วมด้วยหรือไม่ นายสุเทพ บอกว่า ต้องรอผลการประชุมพรรคในวันที่ 23-24 ม.ค.ที่ จ.กระบี่ก่อน พร้อมยืนยัน กรณีที่นายบรรหารนัดหารือกับแกนนำพรรคร่วมอื่นๆ อีกนั้น ไม่รู้สึกกดดันอะไร และว่า วันที่ 25 ม.ค.จะได้คำตอบไปบอกกับเพื่อนพรรคร่วมรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดอย่างไร แต่ไม่จำเป็นต้องนัดหารือพรรคร่วมรัฐบาล

วันต่อมา(21 ม.ค.) แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดยนายบรรหาร ได้นัดรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เพื่อหารือเรื่องแก้ รธน. โดยหลังประชุม แกนนำทั้ง 2 พรรคได้แถลงข่าวแสดงจุดยืนตรงกันที่จะแก้ไข รธน.2 มาตรา คือมาตรา 190 และ 94

ด้านนายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาพูดดักคอและกดดันพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่ควรปล่อยให้ ส.ส.ของพรรคฟรีโฟวตเรื่องแก้ รธน. หาไม่แล้ว คงอยู่ร่วมกันไม่ได้ “ได้แจ้งกับประธานวิปรัฐบาล(วิทยา แก้วภราดัย) ไปแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ควรจะรีบให้ได้ข้อสรุป เพราะขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ตกผลึกกันหมดแล้ว อย่าลืมว่าหลังจากนี้ศึกหนักยังรอเราอยู่ นั่นคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความไม่ชัดเจนหรือจะปล่อยให้ ส.ส.ฟรีโหวตเรื่องแก้ไข รธน. คงไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น จะอยู่ด้วยกันต่อไปได้อย่างไร เพราะเป็นมารยาททางการเมือง”

วันต่อมา(22 ม.ค.) นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ได้แถลงประกาศความสำเร็จในการเดินสายหารือกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินในการแก้ รธน.2 มาตรา โดยบอกว่า นอกจากเป็นความสำเร็จที่ 3 พรรคกล้าหาญในการแสดงออกทางการเมืองอย่างชัดเจนตามระบบรัฐสภาแล้ว ยังเป็นความสำเร็จที่ได้เสียงเกิน 1 ใน 5 ของ ส.ส.ในการเข้าชื่อเพื่อเสนอร่างแก้ไข รธน.ต่อสภาด้วย นายวัชระ ยังแย้มด้วยว่า อาจมีบิ๊กเซอร์ไพรส์สำหรับเรื่องแก้ รธน.ในขั้นตอนต่อไปด้วย “สำหรับบิ๊กเซอร์ไพรส์ เราหวังกันว่า พรรคชาติไทยพัฒนาอาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยมาโหวตเห็นด้วยกับการแก้ไข รธน.เป็นครั้งแรกในระบบรัฐสภา”

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงการแก้ไข รธน.โดยเฉพาะมาตรา 94 เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งจากเขตใหญ่เรียงเบอร์เป็นเขตเดียวเบอร์เดียวว่า บอกไปแล้วว่าเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นอยู่กับว่าเพื่อประโยชน์ของใคร หากเพื่อประโยชน์ในการป้องกันการซื้อเสียง การเลือกตั้งแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ น่าจะป้องกันการซื้อเสียงได้ดีกว่า ทำให้คนที่ต้องการซื้อเสียงทำได้ยากขึ้น “มองในฐานะที่เป็นผู้ใช้วิธีการเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ มาครบทุกวิธีการแล้วในช่วงระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่แบ่งเขตใหญ่เพียงเขตเดียวที่มีผู้แทนเพียง 6 คนในสมัยก่อน จากนั้นเป็นเขตขนาดกลางไม่เกิน 3 คน หลังจากนั้นเป็นเขตเดียวคนเดียว และหากไม่พูดในทางปฏิบัติ กรณีเขตละ 1 คน กลุ่มที่ซื้อเสียงจะง่ายกว่า แต่หากกรณีที่เป็นเขตละ 2-3 คน โอกาสของคนดีที่ไม่ซื้อเสียงจะได้เกิดบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองว่าประโยชน์เพื่อใคร...”

ด้านแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เปิดแถลง(22 ม.ค.) พร้อมออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 เรื่อง คำเตือนก่อนแก้ไข รธน. โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ยืนยันว่า พันธมิตรฯ คัดค้านการแก้ รธน.2550 ใน 3 ประเด็น 1.คัดค้านการแก้ไข รธน.ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือลดพระราชอำนาจและโครงสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.คัดค้านการแก้ไขเพื่อฟอกความผิดให้กับนักการเมืองและพวกพ้อง และ 3.คัดค้านการแก้ไข รธน.ที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมือง พล.ต.จำลอง ชี้ด้วยว่า ความพยายามแก้ไข รธน.ในหลายมาตราของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ที่นำโดยอดีตนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ต่อพรรคการเมืองและรัฐบาล ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนใดใดทั้งสิ้น และอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงพระราชอำนาจและโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อนำไปสู่การปกครองในรูปแบบอื่นในนาม “รัฐไทยใหม่”ในอนาคตอีกด้วย พันธมิตรฯ จึงขอประณามการกระทำดังกล่าว และขอประกาศจะคัดค้านการแก้ไข รธน.ครั้งนี้อย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ประชาชน 14.7 ล้านคน ที่ได้ร่วมกันลงประชามติเห็นชอบ รธน.2550 ได้แสดงจุดยืนและกดดัน ส.ส.ในเขตเลือกตั้งของตัวเอง เพื่อยับยั้งและคัดค้านการแก้ไข รธน.โดยพร้อมเพรียงกัน

พล.ต.จำลอง ยังฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า “ถ้านายบรรหาร นายเนวิน และนายสุวัจน์ ไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่แก้ไข รธน. แล้วจะให้พรรคของตัวเองถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดำรงคงไว้ซึ่งความถูกต้องชอบธรรมจะดีกว่า แล้วประชาชนจะมาหนุนเอง ไม่ต้องห่วง”
กำลังโหลดความคิดเห็น