สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ ทรงมีพระดำรัสถึงพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า อีกไม่นานคงจะเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราชได้แล้ว ขณะนี้ แพทย์เพียงแต่ถวายกายภาพบำบัดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทรงเผย นำเรื่องตลก หนังตลกฉายให้ทอดพระเนตร พร้อมเปิดเพลงถวาย
วันที่ 25 ตุลาคม 2552 เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของสาธารณรัฐอิตาลี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เสด็จลง ณ ห้องบอลรูม โรงแรมที่ประทับ พระราชทานพระวโรกาสให้นายประดาบ พิบูลสงคราม เอกอัคราชทูต ณ กรุงโรม นำคณะข้าราชการสถานเอกอัคราชทูตพร้อมด้วยคณะชุมชนชาวไทยในสาธารณรัฐอิตาลีเฝ้า ในโอกาสเสด็จเยือนสาธารณรัฐอิตาลี และแสดงความยินดีในโอกาสทรงได้รับรางวัลรามาซินีอวอร์ด 2009 จากสถาบันคอเรโจ รามาซินี ด้วยทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์อย่างมากในด้านการอนามัยสิ่งแวดล้อมซึ่งนำไปสู่การป้องกันความทุกข์ยากของมนุษย์ซึ่งเกิดจากผลกระทบของสารเคมี
โอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ได้ทรงกู่เจิงพระราชทานแก่คณะผู้เข้าเฝ้าด้วย
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ทรงมีพระดำรัสถึงความคืบหน้าพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า อีกไม่นานก็คงเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
"พระเจ้าอยู่หัวท่านนอนอยู่บนเตียงนานมากจนกล้ามเนื้อที่ขาท่านเนี่ย ล้า แล้วก็คล้ายๆ ว่า กล้ามเนื้อเราเวลาไม่ได้ออกกำลังเนี่ย จะไม่มีกำลัง จะลีบ แล้วก็ไม่มีกำลัง แพทย์จึงต้องถวายกายภาพบำบัด ซึ่งกายภาพบำบัดนี้ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
"แต่ขณะนี้เนี่ย ทรงลุกจากเตียงเองได้แล้ว และทรงยืนโดยใช้วอล์กเกอร์ได้ แต่ก็คงต้องอีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะทรงพระดำเนินได้ ก็ค่อยๆ ทำกายภาพบำบัดไป ซึ่งจริงๆ ขบวนการการทำกายภาพบำบัดนี่ สำหรับคนไข้แล้วก็ ข้าพเจ้าเคยทำกายภาพบำบัดเหมือนกัน ไม่สนุกเลย น่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ บางครั้งก็เผลอๆ จะทะเลาะกับนักกายภาพ
"พระเจ้าอยู่หัวทรงเข้มแข็งมาก แล้วก็ทรงตั้งพระทัยที่จะทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอวันละหลายครั้ง ก็คิดว่าคงจะทรง รีคัฟเวอร์(recover)ในไม่นานนี้
"แล้วเมื่อข้าพาเจ้าบินมานี่แล้วนี่ วันที่บินมาถึงก็ได้ทราบว่าท่านทรงลงจากห้องประทับไปถวายสักการะพระรูปสมเด็จย่ากับทูลกระหม่อมปู่ ที่ศาลา 100 ปี แล้วก็มีราษฎรได้เข้าเฝ้าอยู่โดยรอบ แล้วก็รู้สึกว่าทุกคนดีใจที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่าน หลังจากที่ไม่ได้เห็นพระองค์ท่านมานานเหลือเกิน หลายอาทิตย์ รู้สึกว่าทุกคนดีใจ รวมทั้งข้าพเจ้าก็ดีใจด้วย แต่ธรรมดาแล้วข้าพเจ้าอยู่ที่โน่นก็เฝ้าทุกวัน
"คือว่าคนที่ไปเฝ้าที่โรงพยาบาลศิริราชที่นอนอยู่ที่นั่นเลยก็มี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเฝ้าแล้วก็ทรงถวายกำลังพระทัยอยู่ตลอดเวลา แล้วก็มีสมเด็จพระเทพฯ ก็ทรงค้างที่นั่น และตัวข้าพเจ้าเองก็ค้างที่โรงพยาบาลศิริราชเช่นกัน ก็คอยดูพระอาการที่เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ แล้วก็คอยช่วยกันถวายกำลังพระทัย
"จริงๆ ข้าพเจ้าก็ทราบว่า การอยู่โรงพยาบาลนานๆ พระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทรงเซ็งเหมือนกัน คือข้าพเจ้าเองก็เคยป่วย และอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน ก็เซ็งเหมือนกัน ก็ทราบดีว่าท่านทรงเซ็ง ก็พยายามจะหาวิธีที่จะให้ท่านได้ทรงพระสรวล หาเรื่องตลกๆ ไปเล่าให้ท่านฟัง เอาภาพยนตร์ตลกๆ ไปให้ท่านดูบ้าง อะไรอย่างนี้ แล้วก็เปิดเพลงถวาย อะไรอย่างนี้ ก็พยายามจะให้ท่านเพลิน แต่คิดว่า อีกไม่นานคงจะเสด็จออกจากโรงพยาบาลได้ค่ะ"
