พิจิตร – แผนพัฒนาบึงสีไฟสะดุด ผู้ว่าฯ พิจิตร ต้องเร่งประชุมทุกฝ่าย เหตุขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติอีกทั้งเป็นสวนสมเด็จย่าฯ ที่ต้องคงสภาพธรรมชาติ แต่งบที่ได้เป็นการก่อสร้างอาคารสถานที่-ขัดวัตถุประสงค์
วันนี้ ( 14 ต.ค.) นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงงบประมาณ 60 ล้านโครงการไทยเข้มแข็งที่จังหวัดพิจิตรจะได้รับเพื่อพัฒนาบึงสีไฟ ซึ่งเป็นบึงน้ำใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 5,300 ไร่ ว่า โครงการดังกล่าวเป็นการอนุมัติงบมาจากส่วนกลาง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าของโครงการ แต่บึงสีไฟมีปัจจัยที่เป็นปัญหาหลายด้าน เช่น บึงสีไฟได้มีการไปขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติ ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ “แรมซ่าร์”ว่าต้องเป็นที่อยู่อาศัยของนก สัตว์น้ำ และห่วงโซ่อาหารน้อยใหญ่ ห้ามมีการกระทำการใด ๆ อันเป็นการทำลายธรรมชาติ อีกทั้ง พื้นที่ 1,100 ไร่ สำนักงานประมง ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ที่กำหนดไว้ว่าต้องให้เป็นที่อยู่ของสัตว์น้ำตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ บึงสีไฟยังเป็นที่ตั้งของสวนสมเด็จย่าฯ 1 ใน 12 แห่ง จากทั่วประเทศ ซึ่งสวนสมเด็จย่าฯ นี้ พระองค์ท่านทรงตรัสไว้อย่างชัดเจนว่าสมเด็จย่าฯ ของปวงชนชาวไทยพระองค์ท่านต้องการอยู่กับธรรมชาติ บนผืนแผ่นดินในผืนป่าบนแผ่นน้ำและไม่โปรดให้มีสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้นการได้งบไทยเข้มแข็งมา 60 ล้านบาท หรือส่วนต่อๆ ไปที่จะมาพัฒนาบึงสีไฟจะต้องมีการถกปัญหาแต่ละมุมมอง ที่ต้องมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่กับการอนุรักษ์ ซึ่งขณะนี้การท่องเที่ยวก็ออกแบบมาแล้ว แต่จะมาขอรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่าจะเอาหรือไม่เอา หรือจะเอาแบบใด แต่ทั้งหมดนี้ต้องไม่ขัดกับเหตุผลข้างต้นดังกล่าว
ในส่วนของการทุจริตงบประมาณมากมาย ที่ลงมาพัฒนาบึงสีไฟในอดีตจนถึงล่าสุด ผู้ว่าฯ พิจิตร กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการใช้งบจากเทศบาลเมืองพิจิตรและส่วนท้องถิ่น ซึ่งในอนาคตจะต้องเข้มงวดและตรวจสอบอย่างจริงจัง แต่ที่ผิดไปแล้วคือการใช้งบประมาณ 46 ล้าน สร้างอาคารน้ำตกจำลอง แต่ผิดแบบผิดแปลน จนเป็นข่าวอื้อฉาวเสื่อมเสียจังหวัดพิจิตรนั้น คงจะเป็นหน้าที่ของ สตง.และ ป.ป.ช.ที่จะต้องลงมาดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป ซึ่งถ้ามีผลความผิดชัดเจนก็ต้องลงโทษกันตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น