ต้องยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจนับเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยในขณะนี้ ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยต้องปิดตัวลงเนื่องจากต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าที่ผลิตออกมาไม่สามารถขายได้ ส่วนประชาชนทั่วไปก็ต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น สวนทางกับอัตรารายได้ซึ่งลดน้อยลง เอเอสทีวีซึ่งเกิดและอยู่ได้ด้วยการสนับสนุนของภาคประชาชนจึงพยายามหาช่องทางที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว ด้วยการจับมือกับผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อจำหน่ายสินค้าในนามเอเอสทีวีซึ่งสามารถใช้ความเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์และกระจายสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูกจากผู้ผลิตโดยตรง โดยเริ่มจากโครงการข้าวเอเอสทีวี ตรามือ เป็นโครงการแรก
จิตตนาถ ลิ้มทองกุล CEO เครือเอเอสทีวีผู้จัดการ เปิดเผยถึงแนวคิดในการทำโครงการข้าวเอเอสทีวี ตรามือ ว่าโครงการดังกล่าวเกิดมาจากแนวคิดที่ว่า หลังจากที่เอเอสทีวีเป็นสื่อกลางในการถ่ายถอดการชุมนุมให้แก่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอเอสทีวีก็ได้ปรับตัวเองให้เป็นทีวีของประชาชน เป็นสื่อที่รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งคำว่าสื่อที่รับใช้ประชาชนนนั้นไม่ใช่แค่การนำเสนอข่าวสารและเรื่องราวที่เป็นสาระประโยชน์เพียงอย่างเดียวแต่ต้องการให้เอเอสทีวีเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยกันเองด้วย
จะเห็นได้ว่าตอนนี้เมืองไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างไร เราจึงพิจารณาว่าขณะนี้เอเอสทีวีมีฐานคนดูอยู่ถึง 10 ล้านคนทั่วประเทศ หรือเฉลี่ยประมาณ 2 ล้านกว่าครัวเรือน จึงน่าจะใช้ศักยภาพที่มีอยู่ช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวไทยทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางให้สามารถซื้อขายกันภายในประเทศได้มากขึ้นโดยใช้เอเอสทีวีเป็นสื่อกลาง โดยที่ผ่านมาเอเอสทีวีได้หารือกับผู้ประกอบการหลายรายซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาไทยและสนใจเข้าร่วมโครงการกับเรา จากการพิจาณาก็เห็นว่าข้าวน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายผ่านเอเอสทีวีเป็นผลิตภัณฑ์แรกเพราะข้าวเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิตของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง‘คุณสนธิ ลิ้มทองกุล’ ก็เคยพูดถึงเรื่องความสำคัญของข้าวไทย การส่งเสริมการขายข้าวก็เท่ากับสนับสนุนให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น เราจึงเห็นตรงกันว่าจะใช้เอเอสทีวีเป็นตัวกลางในการจำหน่ายข้าวสารเพื่อให้คนไทยได้บริโภคข้าวคุณภาพดีในราคาถูก ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนั้นรายได้ส่วนหนึ่งยังนำมาสนับสนุนการดำเนินการของสถานีโทรทัศนืเอเอสทีวีด้วย
“ คือสินค้าที่มาร่วมโครงการกับเอเอสทีวีนั้นก็ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการรายนั้นๆเหมือนเดิมแต่ใช้ตราสินค้าภายใต้แบรด์ของเอเอสทีวี อย่างเช่นข้าวสารที่เรากำลังวางจำหน่ายอยู่ขณะนี้ก็เป็นข้าวของผู้ประกอบการรายย่อยที่ผลิตข้าวสารถุงออกวางขายในตลาดอยู่แล้ว เขาก็มาร่วมกับเราโดยใช้ชื่อว่า ‘ข้าวเอเอสทีวี ตรามือ’ และใช้รูป‘มือตบ’เป็นโลโก้ โดยผู้ผลิตได้คัดสรรข้าวที่มีคุณภาพหลายชนิดหลายระดับราคาให้ผู้บริโภคเลือกซื้อหา เพื่อให้คนไทยได้รับประทานข้าวคุณภาพดีในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปเพราะไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง
นอกจากนั้นเรายังมีบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงบ้านด้วย โดยผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลสามารถโทร.สั่งซื้อได้ที่ call center สั่งแค่ถุงเดียวก็ส่งนะครับ หรือถ้าสะดวกจะมาซื้อที่อาคารอนุรักษ์ บ้านเจ้าพระยาก็ได้ ส่วนในต่างจังหวัดนั้นขณะนี้เรากำลังเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศด้วย ซึ่งโครงการข้าวเอเอสทีวีนี้ถือว่าเป็นโครงการนำร่องให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆต่อไป ผมเชื่อว่าถ้าทำตรงนี้สำเร็จจะช่วยให้การซื้อขายสินค้าภายในประเทศขยายตัวมากขึ้น ช่วยให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาดีขึ้น ซึ่งเราวางแผนว่าในอนาคตจะขยายชนิดสินค้าให้เพิ่มมากขึ้นโดยจะเจาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เช่น น้ำดื่ม สบู่ .และอาจรวมไปถึงสินค้าบริการ เช่น กรมธรรม์ประกันภัยด้วย” คุณจิตตนาถ กล่าว
ทั้งนี้ ข้าวเอเอสทีวีตรามือนั้นเป็นข้าวสารบรรจุถุง ขนาด 5 กิโลกรัม ซึ่งมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน คือ 1) ข้าวขาว 100% ราคาขายถุงละ 155 บาท 2) ข้าวหอมทิพย์ ราคาขายถุงละ 185 บาท 3) ข้าวหอมมะลิ ราคาขายถุงละ 195 บาท และ 4) ข้าวกล้องหอมมะลิ ราคาขายถุงละ 195 บาท (ราคาขายต่ำกว่าราคาที่ระบุบนถุง)
นอกจากการร่วมมือกับผู้ประกอบการในการจำหน่ายสินค้าในนามเอเอสทีวีแล้ว ที่ผ่านมาเอเอสทีวียังได้ทำโครงการธุรกิจเข้มแข็งในเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (PAD Directory) เพื่อให้กลุ่มธุรกิจผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรฯลงทะเบียนเป็นฐานข้อมูลซึ่งจะจัดพิมพ์เป็นสมุดปกเหลืองของพันธมิตรและเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนที่เป็นพันธมิตรรับทราบและช่วยสนับสนุนสินค้าและบริการของเครือข่ายพันธมิตรด้วยกันน้อง อีกทั้งเพื่อให้เกิดการสนับสนุนเกื้อกูลกันในกลุ่มธุรกิจที่มีสายการผลิตหรือการบริการที่เชื่อมโยงกัน หรือเกิดการรวมกลุ่มธุรกิจเพื่อนำไปสู่การพัฒนาการผลิตและช่องทางการจำหน่ายต่อไป นอกจากนั้นยังเป็นฐานข้อมูลให้กับชาวพันธมิตรที่มีความรักชาติสามารถสมัครงานในองค์กรธุรกิจที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน และทำให้องค์กรนั้นได้คนที่ดีและมีใจเสียสละมาร่วมงานด้วย โดยผู้ที่ลงทะเบียนนั้นจะนิติบุคคล เจ้าของโรงงาน เจ้าของกิจการขนาดเล็ก หรือร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ไม่มีข้อจำกัด
“ ในอนาคตเราจะมีสินค้าตราเอเอสทีวีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มีร้านค้าที่เป็นเครือข่ายพันธมิตรฯเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นการที่พันธมิตรฯช่วยกันสนับสนุนสินค้าที่เป็นเครือข่ายพันธมิตรฯด้วยกันเองก็จะช่วยผลักดันให้เกิดธุรกิจที่เข้มแข็ง บางร้านค้าอาจจะสร้างจุดแข็งที่แตกต่างโดยการสั่งสินค้าตราเอเอสทีวีและสินค้าในเครือข่ายพันธมิตรฯไปจำหน่าย ซึ่งแน่นอนว่าพันธมิตรในแต่ละพื้นที่พร้อมจะอุดหนุนอยู่แล้ว แนวทางนี้จะช่วยให้โชห่วยของไทยสู้กับห้างค้าปลีกต่างชาติที่เข้ามาตีตลาดไทยได้
ซึ่งจากนี้ไปสังคมพันธมิตรฯจะไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น แต่จะขยายไปสู่การเกื้อกูลกันทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม จะเกิดเป็นสังคมที่เข้มแข็งทั้งด้านแนวคิดและชีวิตความเป็นอยู่ ถ้าโครงการเหล่านี้สำเร็จก็จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในหมู่พันธมิตรด้วยกัน” คุณ จิตตนาถ กล่าวตบท้ายไว้อย่างน่าสนใจ
หมายเหตุ : สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่ ASTV Call Center โทร.02-633-5353