“พิภพ” แฉตำรวจรับคำสั่งฆ่าประชาชน ระบุแก๊สน้ำตาที่นำมาใช้เป็นชนิดร้ายแรงที่ใช้กับพวกก่อการร้าย และมีสะเก็ดระเบิดอยู่ในตัว ชี้ กก.ตรวจสอบไว้ใจไม่ได้ เหตุตั้งตัวแทน “ทักษิณ” เข้าร่วม ขอพึ่งกรรมการสิทธิฯ และกระบวนการยุติธรรมดีกว่า ลั่นกัดไม่ปล่อย ลากคอฆาตกรมาลงโทษให้ได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วานนี้ (12 ต.ค.) เวลาประมาณ 22.00 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนในทำเนียบรัฐบาลว่า การที่พี่น้องประชาชนมากันเยอะเพื่อไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการหาฆาตกรที่ฆ่าประชาชนนั้น ถึงแม้เราจะมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการเพื่อไปร่วมพิธีเผาศพน้องโบว์แทนนั้น เนื่องจากเราต้องการให้ความสำคัญกับผู้เสียสละ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ที่บาดเจ็บยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราจะต่อสู้ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเป็นเรื่องที่พวกเขาภูมิใจอย่างมาก
ทั้งนี้ ในวันรุ่งขึ้นอีกวันก็เป็นวันสำคัญเช่นกัน เพราะเป็นงานพระราชทานเพลิงศพ สารวัตรจ๊าบ และยังตรงกับวันมหาวิปโยค 14 ตุลาอีกด้วย เราจะสดุดีวีรชนทั้งหมดไปในวันเดียวกัน ซึ่งประชาชนจะต้องอยู่ร่วมงานของทั้งสองให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกงาน ทั้งนี้ การตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าประชาชนนั้นเราต้องทำทุกวันอยู่แล้ว แต่การร่วมงานศพของวีรชนทั้ง 2 คนนั้นมีแค่ 2 วันเราต้องจัดให้ยิ่งใหญ่
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ตนเองมีหน้าที่ดูแลญาติ และผู้ป่วย และผู้ที่เสียสละชีวิตในฐานะวีรชน โดยขณะนี้มีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือมาแล้วอย่างมากมาก วันเสาร์ที่ 11 ตุลาฯ มีบริจาคเข้ามา 1,591,750 บาท เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาฯ ลูกชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล (จิตตนาถ ลิ้มทองกุล) หาผู้บริจาคมาได้ 2 ล้านบาท ในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาฯ มีผู้บริจาคผ่านมาที่ตน 796,600 บาท เป็นเช็คที่ยังไม่เข้าบัญชี 4 ใบ 2 แสนบาท รวมทั้งสิ้นยอดบริจาคถึงวันนี้ 6,631,921 บาท เราจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อผู้กล้าทั้งที่เสียชีวิตและไม่เสียชีวิต และพวกเราเองจะช่วยกันทุกวิถีทาง เพื่อให้คนเหล่านี้ และครอบครัวได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ในด้านต่างๆ ร่วมถึงหน้าที่การงานของลูกหลานด้วย ซึ่งเชื่อว่าพันธมิตรฯ ที่มีบริษัทก็พร้อมที่จะรับลูกหลานวีรชนเข้าทำงาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ในวันนี้มีการพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่า แก๊สน้ำตาที่นำมายิงใส่ประชาชนนั้นเป็นชนิดร้ายแรงที่ซื้อมาจากประเทศจีนเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งจะนำไปใช้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย แต่วันนี้นายกฯ สมชายได้สั่งให้ตำรวจเอาไปยิงทดลอง โดนแล้วขาดหมด ยังมาบอกว่าวันที่ 7 ต.ค.เป็นวันประชาธิปไตยได้อย่างไร วันนี้รัฐบาลยังบิดเบือนอยู่ตลอดเวลา โดยการตั้งคณะกรรมการสอบนั้นยังมีหลายจุดที่น่าสงสัยว่าจะเป็นตัวแทนของทักษิณ ชินวัตร บางคนเคยเป็นตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องร้องนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง มาก่อนแล้ว จะให้เชื่อกรรมการชุดนี้ได้อย่างไร
“ดังนั้น เราจึงหวังพึ่งกรรมการสิทธิมนุษยชน หวังพึ่งวุฒิสมาชิก หวังพึ่ง ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ที่จะให้รัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลาง นอกจากนั้น เราจะฟ้องศาล เพื่อพึ่งกระบวนการยุติธรรม ให้เอาคนที่ผิดตั้งแต่นายกสมชายมาลงทาสติดคุกให้ได้ เรื่องนี้เราจะกัดไม่ปล่อย ผมเองทำงานกับญาติพฤษภา 35 มาตลอด บอกได้เลยว่า 10 กว่าปีที่เราทำงานกับญาติพฤษภา 35 เรากัดไม่ปล่อยเหมือนกัน เพียงแต่เราติดกฎหมายที่กันไม่ให้ฟ้องร้อง รสช.เท่านั้น แต่คราวนี้ ไม่มีกฎหมายใดๆ มาขัดขวางเราที่จะเอาฆาตกรขึ้นศาลได้” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวอีกว่า การต่อสู้กับทรราชที่อ้างตนเองว่ามาจากการเลือกตั้งนั้น ยากลำบากกว่าเผด็จการทหารมากนัก ซึ่งไม่มีครั้งไหนที่จะมีการเอาเปรียบประชาชนเท่าครั้งนี้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ ทักษิณ และคนในระบอบนี้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีแต่การโกงกิน ซึ่งในปัจจุบันทักษิณ เองยังมีการชักใยอยู่เบื้องหลังอีกด้วย เพื่อนำเรื่องนี้ไปเป็นข้ออ้างในการขอลี้ภัยของเขา และทั้งหมดนี้ก็เท่ากับเป็นการเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจนที่ปฏิเสธไม่ได้
ทั้งนี้ นอกจากนายสมชายและตำรวจแล้ว ส.ส.ที่เข้าประชุมในวันนั้นจะต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย เพราะส.ส.เหล่านั้นไม่ยอมยุติการประชุม โดยยอมที่จะข้ามศพประชาชนเพื่อให้การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้สำเร็จ เพียงเพื่อจะได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการโกงกินเท่านั้น
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้เป็นการต่อสู้กับรัฐบาลทรราช ที่อ้างตนว่ามาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเหมือนกับฮิตเลอร์ในสมัยก่อน ที่อ้างแบบเดียวกัน จนมีคนต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยเราจะต้องไม่ให้เกิดการตายในสังคมไทยมากกว่านี้อีก ซึ่งเราจะต้องรีบจัดการรัฐบาลทรราชนี้ให้เร็วที่สุด และเชื่อว่าอุดมการณ์สันติ อหิงสา จะทำให้เราประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องใช้กำลัง ที่จะนำไปสู่ความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากคำเตือนไว้กับคนบางกลุ่มที่ต้องการใช้กำลังกับประชาชนนั้น ประชาชนมีความอดทน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหมดลงเมื่อไร จึงไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยความรุนแรงเป็นอันขาด