xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 27 เม.ย.-3 พ.ค.2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรหาร ศิลปอาชา หน.พรรคชาติไทย บอก พร้อมคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ยืนยัน พรรคฯ ลอยตัว ไม่มีความกดดันเรื่องแก้ รธน.
คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ


1. “สมัคร”นัด หน.พรรคร่วมฯ ถกแก้ รธน.7 พ.ค.นี้ ขณะที่ “ส.ส.พปช.”แนะทำประชามติ!

ความคืบหน้ากรณีพรรคพลังประชาชนจะเร่งแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยโละ รธน.2550 แล้วนำ รธน.2540 มาสวมทับ ซึ่งเท่ากับเป็นการตัดมาตรา 237 และมาตรา 309 ออกจาก รธน.ฉบับใหม่โดยปริยาย ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการหนีคดียุบพรรคและตัดตอนคดีอื่นที่ พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำพรรคพลังประชาชนถูก คตส.กล่าวโทษ นอกจากนี้พรรคพลังประชาชนยังส่งสัญญาณแทรกแซงองค์กรอิสระเพื่อให้ได้คนของตัวมาทำหน้าที่ โดยจะใส่บทเฉพาะกาลใน รธน.ฉบับใหม่ ให้ลดอายุ กกต.และ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันลง เพื่อให้มีการสรรหาชุดใหม่ภายใน 180 วันหลัง รธน.ใหม่บังคับใช้ และแม้หลายฝ่ายจะเรียกร้องให้มีการตั้ง ส.ส.ร.3 มายกร่าง รธน.แทนที่นักการเมืองจะแก้ไข รธน.กันเองเพื่อผลประโยชน์ของตน แต่พรรคพลังประชาชนก็ไม่ฟังนั้น ปรากฏว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา การนัดรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อหารือเรื่องแก้ รธน.ระหว่างนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรคที่กำหนดไว้เมื่อวันที่ 28 เม.ย. มีอันต้องเลื่อนออกไป โดยนายสมัคร บอก เป็นเพราะบางพรรคยังไม่มีตัวแทนเข้าร่วมประชุม ขณะที่ตนก็ติดภารกิจต้องต้อนรับนายกฯ ของพม่าที่เดินทางมาเยือนไทย อย่างไรก็ตาม วันต่อมา(29 เม.ย.) นายสมัครได้สั่งให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ไปประสานนัดหมายหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อพบปะหารือเรื่องต่างๆ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งในที่สุด นพ.สุรพงษ์ ได้ออกมาเผย(30 เม.ย.)ว่า นัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหารือแล้วในช่วงเย็นวันที่ 7 พ.ค.นี้ พร้อมอ้าง จะเป็นการพูดคุยทั่วไป ไม่เน้นหนักเรื่อง รธน. ส่วนท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลต่อการแก้ รธน.นั้น พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้มีมติ(29 เม.ย.)สนับสนุนให้แก้ รธน. แต่ยังไม่มีมติชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยอ้างว่า ต้องรอผลการประชุมระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ขณะที่พรรคชาติไทย ได้มีมติ(29 เม.ย.)เช่นกันว่า จำเป็นต้องแก้ รธน.หลายมาตรา ส่วนระยะเวลาในการแก้ ต้องมากำหนดกันต่อไป ด้านหัวหน้าพรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา บอก ขณะนี้พร้อมคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว พร้อมยืนยัน “พรรคชาติไทยไม่มีความกดดัน เราลอยตัว โดยจะพิจารณาว่าความถูกต้องอยู่ที่ไหน ควรรับได้เพียงใด” ส่วนพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็ยืนยัน(29 เม.ย.)เช่นกันว่า จำเป็นต้องแก้ รธน.หลายมาตรา โดยนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย บอก ไม่อยากให้มีการข่มขู่ว่าจะยื่นถอดถอน ส.ส.ที่ยื่นญัตติแก้ไข รธน. เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องรู้รักสามัคคี ขณะที่นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รองประธานวิปรัฐบาล เผย(30 พ.ค.) การร่วมลงชื่อเพื่อยื่นญัตติแก้ไข รธน.ของแต่ละพรรคไม่น่าห่วง เพราะทุกพรรคได้ลงชื่อไว้ล่วงหน้าหลายสัปดาห์แล้ว รอเพียงให้ทุกคนยืนยันว่าใช่ตามนั้น และรอให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือและเห็นชอบในขั้นสุดท้าย คาดว่า อย่างช้าน่าจะยื่นได้ในสัปดาห์หน้า พร้อมไม่ห่วงเรื่องการลงมติรับร่างแก้ไข รธน. เพราะ ส.ส.รัฐบาลมี 311 เสียง แค่อาศัยเสียงวุฒิสภาอีกเล็กน้อยก็ผ่านได้ ทั้งนี้ แม้พรรคพลังประชาชนจะพยายามเดินหน้าเร่งแก้ รธน. แต่หลายคนในพรรคร่วมรัฐบาลหรือแม้แต่ในพรรคพลังประชาชนเองก็ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย เช่น นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ในฐานะคณะกรรมการประชาสัมพันธ์การแก้ไข รธน.ของพรรคพลังประชาชน ได้เปิดแถลง(30 เม.ย.)ว่า การแก้ รธน.ครั้งนี้ ควรคืนสิทธิให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินด้วยการแสดงความเห็นผ่านประชามติว่า จะเลือกใช้ รธน.ฉบับ 2540 หรือ 2550 ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถยุติความขัดแย้งในประเทศได้ หากประชาชนเห็นชอบ รธน.2550 ก็ถือว่าเป็นข้อสรุปและจะใช้ รธน.2550 ต่อไป โดยผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการออกเสียงประชามติ ไม่จำกัดว่าเป็นใคร จะเป็นรัฐบาลหรือสภาก็ได้ที่มีความเป็นกลาง นายนิสิต ยังบอกด้วยว่า ตนจะนำเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมพรรคในสัปดาห์หน้า ทางด้านนายโสภณ เพชรสว่าง ประธานคณะกรรมการศึกษาการแก้ไข รธน.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ได้แสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเร่งแก้ รธน.โดยชี้ว่า หากรัฐบาลรีบเร่งแก้ไข รธน.อาจจะทำให้เกิดความแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงอาจถึงขั้นยุบสภา รวมทั้งอาจจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬหรือ 14 ตุลาฯ ดังนั้นตนเห็นว่า ควรจะตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมา เพื่อลดแรงเสียดทาน ขณะที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอก พรรคฯ ยังยืนยันว่า แนวทางที่ดีที่สุดคือ ให้ฝ่ายต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการหาจุดร่วมในการแก้ไข รธน. เพราะการเคลื่อนไหวนอกสภาจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากรัฐบาลพยายามเอาเรื่อง รธน.มาเป็นเรื่องเพื่อตัวเอง

“หมัก” โยนสภาแก้ รธน.เล่นลิ้นปิดข่าวหารือพรรคร่วม
วิปรัฐเหมารวม 311 เสียง ไหลตามน้ำยื่นแก้ รธน.สัปดาห์ลงตัว
“เหลิม” กร่างสั่งการพรรคร่วมตามน้ำแก้ รธน.
ชท.ถกเครียดผวา พปช.ถีบส่งหลังแก้ รธน.ฉบับฟอกตัว
"เพื่อแผ่นดิน"กลืนน้ำลาย สังฆกรรม "พลังแม้ว" แก้ รธน.ทั้งฉบับ
รายงานพิเศษ : “รบ.” ดันทุรัง (แก้ รธน.) ...ระวังจะ “หายนะ”!!

ธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดแถลงวิเคราะห์การเมืองไทย พร้อมตั้งฉายารัฐบาลนายสมัครว่า รัฐบาลลูกกรอก 1(1 พ.ค.)
2. “พันธมิตรฯ”ขู่ชุมนุมเรือนแสน หาก รบ.ยื่นแก้ รธน. ด้าน “ธีรยุทธ”ตั้งฉายา “รบ.ลูกกรอก”ส่อแวว “นักการเมืองชั่วครองเมือง”!

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เผยหลังแกนนำพันธมิตรฯ ได้ประชุมกำหนดท่าทีต่อการเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ รธน.ว่า พันธมิตรฯ ขอย้ำจุดยืนต่อรัฐบาลว่า หากจะเร่งรัดแก้ไข รธน.จะต้องจัดทำประชามติก่อน เพราะร่าง รธน.2550 ได้ผ่านการทำประชามติและได้รับการเห็นชอบจากประชาชน 14 ล้านเสียง ซึ่งหากมีการทำประชามติแล้วประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ รธน. ขั้นตอนต่อไปก็ต้องทบทวนกระบวนการจัดทำร่าง รธน. เช่น ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ภาค 3 เพื่อมายกร่าง รธน. นายสุริยะใส ยังชี้แจงด้วยว่า เหตุผลที่พันธมิตรฯ ต้องออกมาเรียกร้องให้มีการทำประชามติ ก็เพื่อยกระดับให้การยกร่าง รธน.เป็นวาระแห่งชาติ เป็น รธน.เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ส่วนความคาดหวังต่อท่าทีของ 5 พรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ขณะนี้พันธมิตรฯ ไม่ได้คาดหวัง และถือว่าสัญญาประชาคมที่ 5 พรรคร่วมรัฐบาลได้ให้ไว้ 5 ข้อก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ โดยพันธมิตรฯ ยังคงยืนยันว่า หากมีการยื่นญัตติแก้ไข รธน.เข้าสภาเมื่อใด พันธมิตรฯ จะมีการนัดชุมนุมทันที โดยระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมระดมมวลชน และว่า เมื่อผลสำรวจของโพลล์ 60-70% พบว่า ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเร่งแก้ รธน. พันธมิตรฯ จึงคาดว่า น่าจะมีแนวร่วม 3 กลุ่มมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เพื่อคัดค้านการเร่งแก้ รธน.ประกอบด้วย กลุ่มที่ผิดหวังกับมาตรการการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ,กลุ่มข้าราชการที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐมนตรีใช้อำนาจมิชอบเพื่อพวกพ้อง ดังนั้น พันธมิตรฯ เชื่อว่า จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เพื่อคัดค้านการเร่งแก้ รธน.เกินหลักแสนแน่นอน ด้านนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เปิดแถลงวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทย(1 พ.ค.)ว่า อยากเสนอแนะให้รัฐบาลฉวยโอกาสในการพัฒนาประเทศ อย่าหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาตัวเอง ซึ่งพรรคพลังประชาชนมีความชอบธรรมเต็มที่ที่จะจัดตั้งรัฐบาลไปได้ 4 ปี ส่วนคนจะยอมรับฝีมือในการบริหาร การลุแก่อำนาจ หรือความซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะพรรคพลังประชาชนถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ซึ่งการแปลคำว่านอมินีว่าเป็นหุ่นเชิด ถือว่าไม่ตรงนัก เพราะหุ่นเชิดไม่มีชีวิตจิตใจ และว่า ก่อนหน้านี้ เรามักมองว่า ปัญหาการเมืองเป็นเรื่องของเทพกับมาร ซึ่งความจริงไม่ใช่ เพราะรัฐบาลขณะนี้เป็นเงาอะไรสักอย่างที่กำลังตามหลอกหลอนสังคมไทย ซึ่งก็คือ ภูต ผี ที่ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่มาร ตนจึงมองว่า ปรากฏการณ์แบบนี้ เป็นนอมินีของภูตผีที่ตามหลอกหลอน โดยคำว่านอมินีในวัฒนธรรมไทยก็คือ การเลี้ยงลูกกรอก ที่ผู้มีอาคมปลุกเสกจากทารกที่หมดอายุขัยไปแล้ว ให้กลับมามีอิทธิฤทธิ์ ควบคุมจิตใจให้ซื่อสัตย์ จงรักภักดี จึงควรแปลนอมินีว่า “ลูกกรอก” พร้อมกันนี้ นายธีรยุทธได้ขอตั้งฉายาให้รัฐบาลนายสมัครว่า “รัฐบาลลูกกรอก 1” โดยมีระดับผู้นำอยู่ 2 ตน คือ รักเลี้ยบ ยมมิ่ง มีฤทธิ์เดชฉกาจฉกรรจ์ ส่วนหัวหน้าคณะลูกกรอกมี 2 ตน ตนที่ 1 เป็นกุมารทองคะนองปาก คิดอะไรก็พูดอย่างนั้นทันที จนสร้างศัตรูไปทั่ว ตนที่ 2 คะนองอำนาจ ชอบอยู่กระทรวงที่มีอำนาจ เชื่อมั่นว่าฤทธิ์เดชจะสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร นายธีรยุทธ ประเมินด้วยว่า แม้รัฐบาลคณะลูกกรอกนี้จะมีฤทธิ์เดช แต่ก็ด้อยวัยวุฒิ ด้อยคุณวุฒิ ดังนั้นรัฐบาลจึงตกอยู่ในฐานะมีตำแหน่งอำนาจได้ แต่ปกครองไม่ได้ ซึ่งภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี คาดว่าจะถูกผู้คนต่อต้านหนักขึ้น และว่า แม้รัฐบาลนี้น่าจะอยู่ได้ยาว เพราะมาจากการเลือกตั้ง แต่จุดอ่อนของรัฐบาลอยู่ที่นโยบายประชานิยม การซื้อเสียง ทำให้ต้องการถอนทุนคืน และเกิดการคอร์รัปชั่นที่อาจจะนำไปสู่การคัดค้านของสังคมหรืออาจขยายตัวเป็นการขับไล่รัฐบาลได้ นายธีรยุทธ ยังวิเคราะห์ด้วยว่า เมื่อการเมืองเป็นเช่นนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้กลายเป็นยุค “ชคม.หรือนักการเมืองชั่วครองเมือง” ที่จะถูกต่อต้านจากชนชั้นกลาง ภาคสังคม ภาคประชาชนที่ต้องการรักษาคุณธรรมและความสมดุลให้สังคม จนกลายเป็นความขัดแย้งวุ่นวาย และอาจจะทำให้เกิดการปฏิวัติอีกได้ ซึ่งวิกฤตทักษิณที่ผ่านมาได้สร้างผลเสียแก่ประเทศชาติอย่างมาก แต่หากรัฐบาลยืนกรานจะแก้ไข รธน.เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดอีก ก็จะเกิดวิกฤตรอบสอง นายธีรยุทธ ยังแนะทางออกเพื่อไม่ต้องเกิดวิกฤตหรือความรุนแรงด้วยว่า รัฐบาลอย่าไปเร่งแก้ รธน. และไม่ควรแก้ รธน.มาตรา 237 เพื่อหนีโทษยุบพรรค หากเร่งรีบ ก็จะเป็น รธน.ฉบับ ชคม.แข่งกับ รธน.ฉบับ คมช. พร้อมแนะให้องค์กรอิสระอย่าง คตส.และ ป.ป.ช.ควรเร่งทำหน้าที่ของตัวเองให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันหากศาลพิจารณาคดีความต่างๆ อย่างเที่ยงตรงยุติธรรม และรวดเร็วทันกาล ก็จะคลี่คลายปัญหาต่างๆ ลงได้ ด้านแกนนำพรรคพลังประชาชนฟังคำพูดนายธีรยุทธแล้วเดือด ต่างดาหน้าออกมาตอบโต้ โดย ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ชี้ การที่นายธีรยุทธกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นยุคชั่วครองเมืองนั้น รัฐบาลขอไม่ยอมรับ ถือเป็นการกล่าวร้ายไม่มีเหตุผล ไม่ได้เกิดจากการวิจารณ์ตามหลักวิชาการที่ดี เป็นเพียงแค่การโชว์ความสามารถในการประดิษฐ์ถ้อยคำ ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทย ได้ออกมาโต้นายธีรยุทธ โดยยืนยัน พวกตนไม่ใช่คนชั่ว มาตามตรอกออกทางประตู และว่า การที่บอกว่าจะเป็นยุคนักการเมืองชั่วครองเมืองนั้น อยากให้นายธีรยุทธพูดให้ชัดว่าหมายถึงใคร ไม่ใช่พูดแบบคาบลูกคาบดอก จะเสียบุคลิกของอาจารย์ได้

“พันธมิตรฯ”เชื่อ ปชช.ร่วมแสนชุมนุม ต้าน “พลังแม้ว” เมินประชามติ รธน.
“ธีรยุทธ”วิพากษ์แสบเปรียบรัฐบาล “ลูกกรอก 1” ชี้วิบัติ “ชั่วครองเมือง”
“พลังแม้ว”มาแปลก ไม่โต้ “ธีรยุทธ” แต่ไม่รับ “ชั่วครองเมือง”

หลักฐานจะๆ ภาพธงชาติไทยเขียนชื่อทักษิณติดอยู่บนอัฒจันทร์ของสนามซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์สเตเดียม ของสโมสรแมนฯ ซิตี้ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานสโมสรฯ 26 เม.ย.51(ภาพ-มติชน)
3. แจ้งจับ “ทักษิณ”หมิ่นธงชาติไทย ขณะที่ “เจ้าตัว”รีบโบ้ย ฝีมือฝรั่ง!

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. หนังสือพิมพ์มติชน ได้นำเสนอข่าวและภาพธงชาติไทยถูกกระทำอย่างไม่เหมาะสม โดยเป็นภาพธงชาติไทยขนาดใหญ่ และเขียนชื่อทักษิณเป็นภาษาอังกฤษ(THAKSIN)ลงบนธง ติดอยู่บนอัฒจรรย์สนามซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานสโมสร โดยธงดังกล่าวติดไว้ในสนามนัดที่แมนฯ ซิตี้ ดวลแข้งกับฟูแล่มเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา และ พ.ต.ท.ทักษิณก็นั่งชมการแข่งขันดังกล่าวด้วย โดยนั่งตรงข้ามธงชาติไทยที่มีชื่อตนเองติดอยู่ ทั้งนี้ หลังภาพธงดังกล่าวถูกแฉออกมา ปรากฏว่า สื่อต่างๆ ได้นำเสนอภาพธงชาติไทยที่ถูกกระทำอย่างไม่เหมาะสมอีกหลายเวอร์ชั่น เช่น มีการเขียนคำว่า “WELCOME THAKSIN”ลงบนธงชาติไทย แล้วติดไว้บนอัฒจรรย์ในสนามของแมนฯ ซิตี้ เช่นกัน โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณและลูกๆ นั่งอยู่หน้าธงดังกล่าว หรือแม้แต่ภาพแฟนคลับของ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศ ถือธงชาติไทยขนาดใหญ่ต้อนรับทักษิณ โดยธงชาติไทยดังกล่าวมีข้อความ “WELCOME THAKSIN”ติดอยู่เช่นกัน ขณะที่นักกฎหมาย(เช่น อ.ปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.)ชี้ว่า การดัดแปลงธงชาติไทยดังกล่าว เข้าข่ายผิดกฎหมาย 2 ฉบับ 1.ผิดตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 ที่ห้ามประดิษฐ์รูปหรือเครื่องหมายหรือตัวอักษรลงบนผืนธงชาติ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2.ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 118 ซึ่งเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ฐานกระทำการใดๆ ต่อธงในลักษณะดูถูกเหยียดหยาม มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม เห็นธงชาติไทยที่มีชื่อทักษิณแล้ว ยอมรับว่าขนลุก พร้อมยืนยัน เป็นเรื่องไม่สมควร และว่า เรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องถูกทักท้วงแน่นอน และ พ.ต.ท.ทักษิณก็คงจะต้องแก้ตัวว่า ฝรั่งเป็นคนทำ ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชาชนหลายคน ได้ออกมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ออกมาชี้ว่า มีขบวนการจับผิด พยายามหาเหตุมาเสี้ยมมาโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ด้านนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ บอก(30 เม.ย.)ว่า ได้โทรศัพท์ถาม พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ทราบว่าเป็นการกระทำของแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ ที่ดีใจที่คนไทยไปสร้างความสำเร็จให้สโมสรฯ ดังนั้นทั้งสโมสรฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องธงดังกล่าวแต่อย่างใด ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้ออกมาชี้แจงแทนพ่อ(30 เม.ย.)ว่า ธงชาติไทยที่ถูกดัดแปลงดังกล่าว เป็นฝีมือของกองเชียร์ชาวอังกฤษ ซึ่งไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมของไทย ด้านนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาสำทับ(1 พ.ค.)ว่า ธงชาติไทยที่มีชื่อทักษิณนั้น เป็นเรื่องของผู้ชมชาวอังกฤษที่เอาธงไปแสดง เสร็จแล้วก็เก็บกลับ และว่า พ.ต.ท.ทักษิณเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องขอโทษตามที่บางฝ่ายเรียกร้อง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้เข้าแจ้งความต่อกองปราบปราม(1 พ.ค.) ให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้สนับสนุนและผู้ร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 มาตรา 53 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 118 สำหรับท่าทีของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อกรณีธงชาติไทยถูกเขียนทับด้วยชื่อทักษิณนั้น ปรากฏว่า พล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาบอก(30 เม.ย.)ว่า ส่วนตัวแล้วมองว่า การกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสมอย่างชัดเจน และน่าจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 118 อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ 1 วันให้หลัง(1 พ.ค.) พล.ต.ท.วัชรพล ได้ออกมาพูดใหม่ว่า หลังจาก พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วย ผบ.ตร.รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน ได้เรียกประชุมสำนักงานกฎหมาย กองคดีแล้ว เห็นว่า การกระทำต่อธงชาติไทยดังกล่าว แม้จะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ธง แต่ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากเหตุเกิดนอกราชอาณาจักร และว่า การจะเอาผิดผู้กระทำผิดต่อธงนอกราชอาณาจักรได้ ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 118 ซึ่งต้องมีเจตนาพิเศษต้องการเหยียดหยามประเทศ แต่ตำรวจเห็นว่า การเขียนชื่อทักษิณลงบนธงชาติไทย ไม่น่าจะเข้าข่ายความผิดดังกล่าว พล.ต.ท.วัชรพล ยืนยันด้วยว่า ความเห็นดังกล่าวยังไม่ใช่ที่สุด ต้องรออัยการซึ่งมีหน้าที่สอบสวนความผิดนอกราชอาณาจักรเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง พร้อมยืนยัน ความเห็นของตำรวจไม่ได้ต้องการชี้นำคดีนี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ได้มีนักวิชาการด้านกฎหมาย(อ.ปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)ตั้งข้อสังเกตว่า การเขียนชื่อทักษิณลงบนธงชาติไทย ถือว่าเป็นการเหยียดหยามประเทศแน่นอน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีอาญาฐานทุจริตคอร์รัปชั่นหลายคดี เมื่อชื่อทักษิณถูกเขียนลงบนธงชาติไทย ย่อมทำให้ประเทศไทยมัวหมอง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวเรื่องธงชาติไทย ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เลื่อนกำหนดเดินทางกลับประเทศออกไป ซึ่งเดิมมีกำหนดเดินทางกลับมาร่วมงานเปิดตัว “มูลนิธิ 111 ทรท.”เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ขณะที่โฆษกประจำตัว(นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา) อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณเลื่อนเดินทางกลับ เพราะติดภารกิจ ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องธงชาติแต่อย่างใด

“มติชน” เตือนหยุดขบวนการตีกระทบเบื้องสูง-เปิดภาพธง THAKSIN
หลักฐานโผล่อีกเขียน “WELCOME THAKSIN” ติดกลางธงไทย
“วีระ” แจ้งจับ “แม้วซิตี” ลบหลู่ธงชาติ!!

“แม้ว” ผวาถูกรุมต้านย่ำยีธงไตรรงค์ เลื่อนกลับไทย
รายงานพิเศษ : ปล่อยให้ “ทักษิณ-ลิ่วล้อ” ลบหลู่ “ชาติ-สถาบัน” กันเข้าไป!?!



ยงยุทธ ติยะไพรัช  แถลงไขก๊อกประธานสภาผู้แทนราษฎร (30 เม.ย.)
4. “ยงยุทธ”ทิ้งเก้าอี้ ปธ.สภาฯ เปิดทางหาคนคุมเกมแก้ รธน. ขณะที่ “พปช.”ระส่ำ “2 ก๊กเหนือ-อีสาน”เปิดศึกชิงตำแหน่ง!

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ซึ่งถูก กกต.มีมติให้ใบแดงฐานซื้อเสียงเลือกตั้งผ่านกำนัน โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งว่าจะเห็นตาม กกต.หรือไม่ ได้เปิดแถลงลาออกจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้ผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติต้องเข้าไปยืนอยู่กลางศาลและถูกไต่สวน ซึ่งจะเสียเกียรติยศและความศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายนิติบัญญัติ จึงได้ตัดสินใจลาออก เนื่องจากคดีจะเข้าสู่ศาลในวันที่ 2 พ.ค. นายยงยุทธ ยืนยันด้วยว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่อยากให้ประชาชนได้เห็นว่า นักการเมืองไม่ได้เลวไปหมด ไม่ได้เพียงแค่แสวงหาอำนาจ คิดถึงผลประโยชน์เพียงเท่านั้น แต่ยังหวังถึงผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เบื้องหลังการตัดสินใจลาออกของนายยงยุทธครั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกประธานสภาฯ คนใหม่ เพื่อไปคุมเกมการแก้ รธน.ในฐานะประธานรัฐสภา เพราะหากไม่มีประธานสภาฯ ผู้ที่จะทำหน้าที่ประธานรัฐสภาชั่วคราว ก็คือ รองประธานรัฐสภา คือ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ซึ่งพรรคพลังประชาชนไม่เห็นด้วยแน่ เนื่องจากนายประสพสุข ได้แสดงท่าทีมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับการเร่งแก้ รธน.เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของรัฐบาล นายยงยุทธ บอกด้วยว่า ตอนแรกคิดว่าจะลาออกจาก ส.ส.ด้วย แต่มีคนทัดทานไว้ว่า การที่เป็น ส.ส.มาจากการเลือกของประชาชน จะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ แต่ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นเรื่องที่ดำเนินการตามความต้องการได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกครั้งนี้ได้บอก พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายยงยุทธ ตอบว่า ได้บอกในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชา ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงความเห็นอะไรหรือไม่นั้น นายยงยุทธ บอกว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปิดเผยได้ ทั้งนี้ นายยงยุทธ เข้ารับตำแหน่งประธานสภาฯ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ม.ค.และได้แถลงพักการทำหน้าที่ประธานสภาฯ หลัง กกต.มีมติให้ใบแดงและส่งเรื่องให้ศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 26 ก.พ. กระทั่งมาแถลงลาออกจากประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. รวมระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง 97 วัน สำหรับผู้ที่น่าจะได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ คนใหม่ ขณะนี้มีแคนดิเดตอยู่ 2 คน คือ นายชัย ชิดชอบ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) บิดานายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ส่วนอีกคนคือ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่รักษาการประธานสภาฯ ตั้งแต่นายยงยุทธประกาศพักการทำหน้าที่ โดยมีข่าวว่า ส.ส.ภาคเหนือกลุ่มนายยงยุทธ พยายามผลักดันให้นายสมศักดิ์ได้เป็นประธานสภาฯ คนใหม่ แต่ ส.ส.อีสานสายนายเนวิน พยายามผลักดันให้นายชัยได้เป็นประธานสภาฯ โดย ส.ส.สายอีสานพยายามงัดตัวเลข ส.ส.ในมือว่ามีผู้หนุนนายชัยกว่า 90 คน พร้อมคุย นายชัยเป็นผู้อาวุโส มีทั้งความรู้ความสามารถและประสบการณ์ แถมยังเป็นคนประนีประนอมและหาทางออกที่ดี ส่วนฝ่ายที่หนุนนายสมศักดิ์ ก็ชี้ว่า ประธานสภาฯ ควรมีภาพลักษณ์ที่ดี ไม่มีปัญหาเรื่องคดีต่างๆ ซึ่งนายชัยติดคดีที่ดินการรถไฟฯ ที่บุรีรัมย์อยู่ ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน ชี้(2 พ.ค.)ตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นโควตาของภาคเหนือ เพราะตำแหน่งประธานและรองประธานสภาฯ ที่ตกลงกันไว้แต่แรก คือ นายยงยุทธ(ประธานสภาฯ)จากภาคเหนือ ,นายสมศักดิ์(รองประธานสภาฯ คนที่ 1)จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย(รองประธานสภาฯ คนที่ 2)จากภาคกลาง ดังนั้นการที่ ส.ส.ภาคอีสานจะรุกเสนอชื่อนายชัยเป็นประธานสภาฯ คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเท่ากับสัดส่วนภาคอีสานจะมีถึง 2 คน แต่โควตาภาคเหนือจะถูกตัดออกไป นายวรวัจน์ ยังเผยด้วยว่า ส.ส.ภาคเหนืออาจจะเสนอชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีศึกษาธิการ หรือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ให้เป็นประธานสภาฯ คนใหม่ แต่หากมีปัญหา ก็อาจจะเสนอชื่อนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย เป็นรองประธานสภาฯ ในสัดส่วนของภาคเหนือก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม นายวรวัจน์ บอกว่า การลาออกของนายยงยุทธถือเป็นเรื่องกะทันหัน ดังนั้นทางพรรคฯ คงต้องใช้เวลาหารือ โดยจะมีการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีศึกษาธิการ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมาพูดแบบออกตัว(2 พ.ค.)ว่า ตนไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะเป็น ส.ส.สมัยแรก ประสบการณ์ด้านสภายังมีน้อย และว่า ในพรรคพลังประชาชนมีบุคคลที่มีประสบการณ์ทางการเมืองสูงและมีความอาวุโสหลายคน ดังนั้นน่าจะได้ผู้ที่มีความเหมาะสมมากกว่าตน

“ยุทธ” ไขก๊อกพ้น ปธ.สภาฯ อ้างสปิริตยันไม่เกี่ยวคุมเกมแก้ รธน.
ส.ว.ถลกหนัง“ยุทธ” ไขก๊อก เปิดทางนอมินีคุมเกมแก้ รธน.
ศึกแย่งเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเดือด!..พลังแม้วไล่ตีกันนัว
ส.ส.เหนือ “พลังแม้ว” โดดขวาง “พ่อเนวิน” นั่ง ปธ.สภา
ร้อยเล่ห์กลลวง พปช.บีบ “ยุทธ” ดันพ่อ “ยี้ห้อย” นั่ง ปธ.แทน
ผู้นำฝ่ายค้านเตือน ปธ.รัฐสภาเป็นกลางอย่าคิดคุมเกมแก้รธน.


5. “กกต.”ยกคำร้อง “คดีนอมินี” ชี้ ไม่มี กม.เอาผิด ด้าน “วีระ”ขู่ดำเนินคดีอนุ กก.หากพบ บิดเบือนคดี!

สดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองฯ
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านกิจการพรรคการเมืองฯ เผยหลังประชุม กกต.ว่า ได้พิจารณาสำนวนสอบของคณะอนุกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงกรณีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ที่มีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ เป็นประธาน โดย กกต.เห็นตรงกันว่า จะไม่รอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาชี้แจงเรื่องนี้แล้ว เพราะไม่อยากถูกมองว่า กกต.ยื้อเวลา ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีการประชุมเพื่อลงมติเรื่องนี้ในวันที่ 1 พ.ค. นางสดศรี ยังเผยด้วยว่า ผลสรุปของคณะอนุกรรมการฯ เห็นควรให้ยกคำร้องเรื่องนอมินี เพราะเห็นว่าในกฎหมายไม่มีคำว่านอมินีที่จะเอาผิดได้ อย่างไรก็ตาม นางสดศรี บอกว่า ผลสรุปของคณะอนุกรรมการจะไม่ผูกพัน กกต. โดย กกต.จะพิจารณาว่ามีประเด็นข้อกฎหมายหรือมีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดข้อกฎหมายใดหรือไม่ แต่ในที่สุด ที่ประชุม กกต.เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ก็ได้มีมติเสียงข้างมาก 3 เสียง ให้ยกคำร้องเรื่องนอมินี โดยเห็นว่า แม้จะปรากฏหลักฐานว่าพรรคพลังประชาชนเป็นตัวการตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณจริง แต่ไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิด ส่วน กกต.เสียงข้างน้อยนั้น มี 1 เสียงที่เห็นว่า ให้ยกคำร้อง เพราะไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอในการกระทำที่เข้าข่ายเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ขณะที่อีก 1 เสียง เห็นว่า ควรแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมือง(ประธาน กกต.)ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนอมินีตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ยืนยัน “มติที่ออกมา กกต.ได้พิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยยึดหลักกฎหมาย ซึ่ง กกต.ก็ยืนอยู่ตรงกลาง ไม่ได้พิจารณาเพื่อเป็นการจับผิดหรือจะไปไล่บี้ใคร และไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเล่นไม่เลิก” ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้สามารถเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณได้หรือไม่ ในฐานะ 1 ใน 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังให้การสนับสนุนและช่วยหาเสียงให้พรรคพลังประชาชน นายสุทธิพล บอกว่า ประเด็นนี้ยังไม่มีใครร้องเรียนเข้ามา กรณีนอมินีเป็นการร้องเรียนพฤติกรรมของนายสมัครและพรรคพลังประชาชนเท่านั้น ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ในฐานะผู้ร้องให้ กกต.สอบเรื่องนอมินี พูดถึงมติ กกต.ที่ยกคำร้องเรื่องนี้ว่า สะท้อนว่า กกต.ยึดประเด็นนอมินีเป็นหลัก แทนที่จะดูพฤติกรรมเป็นหลัก และว่า ถ้าดูคำร้องของตน จะเน้นคำว่า ตัวการตัวแทน จึงไม่เข้าใจว่า ทำไม กกต.ไม่ปรับพฤติกรรมของคดีให้เข้ากับหลักตัวการตัวแทนตามกฎหมายแพ่ง แต่กลับไปจับคำว่านอมินี ซึ่งถือว่าเป็นความพยายามที่จะบิดพลิ้ว หากตนมีช่องทางพิสูจน์ได้ว่า คณะอนุกรรมการชุดนายไพฑูรย์พยายามบิดเบือนน้ำหนักของคำร้องของตนให้ไปผิดทาง ตนจะขอดำเนินคดี เพราะหาไม่แล้ว จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้อีก 3-4 พรรคที่กำลังจะถูกยุบ ไปวิ่งหาพรรคใหม่ที่เป็นนอมินีแน่นอน.

คดีนอมินี ทรท.วืด กกต.ชี้ไม่มี กม.เอาผิด
กกต.หมดปัญญาหา กม.ฟัน “นอมินีลูกกรอก” มติยกคำร้อง “วีระ”

กำลังโหลดความคิดเห็น