ใครจะทักท้วงตักเตือนประการใด รัฐบาลกุมารทองนี้ก็ไม่เชื่อฟัง ยังคงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญลูกเดียว โดยไม่สนใจไยดีที่จะแก้ไขวิกฤตของชาติที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังเผชิญวิกฤตปัญหาปากท้องและข้าวยากหมากแพงเป็นประวัติการณ์เลย
ไอ้พวกชั่วครองเมืองได้ตระบัดสัตย์คำถวายสัตย์ปฏิญาณอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
และดึงดันไม่ปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานในวันเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ที่ทรงรับสั่งว่าให้สนใจแก้ไขปัญหาของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน
มันเป็นรัฐบาลลูกกรอกหรือกุมารทองโดยแท้ เพราะมันไม่ฟังใครทั้งนั้น อย่าว่าแต่เสียงเรียกร้องของประชาชนเลย แม้กระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมันก็ไม่รับฟังและไม่ทำตาม
มันรับฟังและทำตามเฉพาะคำสั่งของจอมขมังเวทผู้ปลุกเสกพวกมันขึ้นมาเท่านั้น
์
ดังนั้นในวันนี้ประเทศไทยของเราจึงตกอยู่ในสภาพที่เหมือนกับมียักษ์ตัวใหญ่กำลังกินคนไทยทั้งประเทศอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
ใครที่ชอบอ่านวรรณคดีไทยแต่โบราณย่อมจำได้หมายรู้ว่าในวรรณคดีไทยจำนวนมากนั้น จะมีเรื่องเกี่ยวกับยักษ์จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์มาหลอกหลอนให้คนหลงเชื่อว่าเป็นสตรีงาม มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความอ่อนหวานน่ารักน่าชื่นชมเสียจริงๆ
ในยามจำแลงแปลงกายนั้นก็จะเหมือนคนธรรมดาทุกอย่าง ไม่มีทีท่าว่าจะดุร้ายหรือกินคนได้เลย แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่มีคนขัดใจหรือจับได้ไล่ทันว่ามันเป็นยักษ์จำแลง มันก็จะกินคนนั้นเสียในทันที
เรื่องราวเหล่านี้ในวรรณคดีไทยมีมานานแล้ว จะมีรากฐานตำนานความจริงอย่างไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ก็พออนุมานได้ว่าบรรพบุรุษของไทยแต่โบราณนั้นท่านเฉลียวฉลาด ท่านสอนเยาวชนลูกหลานเป็นนัยไว้อย่างชัดเจน สมดังคำพังเพยไทยที่ว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน แล้วจะจนใจเอง”
ท่านสอนให้ตระหนักว่าจะดูแต่ปรากฏการณ์คำพูดคำจาหรือกิริยาท่าทีภายนอกนั้นไม่ได้ ขืนดูเอาแต่เพียงเท่านี้แล้วยึดถือเป็นจริงเป็นจังก็มีแต่จะถูกหลอกแล้วกลายเป็นเหยื่อ ทำนองเดียวกับคนที่ถูกยักษ์จำแลงจับไปกินนั่นแหละ
ดังนั้นการจะดูว่าใครเป็นใครจึงต้องดูให้ถ่องแท้ถึงธาตุแท้และประวัติความเป็นมาของผู้นั้น ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นยักษ์หรือเป็นคนกันแน่? เพราะถ้าเป็นยักษ์จำแลงมันไม่มีทางที่จะเป็นมนุษย์หรือเป็นคนปกติอย่างเราท่านได้เลย มันมีแต่ความดุร้ายกระหายหิวอยู่เป็นนิตย์ และย่อมกินคนเป็นอาหารเสมอ
รัฐบาลหุ่นในวันนี้ก็คือรัฐบาลที่มาจากพรรคนอมินีของพรรคไทยรักไทย ดังที่ กกต. ท่านได้สรุปไว้นั่นเอง
แล้วพรรคไทยรักไทยล่ะเป็นอะไร? คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้วว่าเป็นพรรคที่ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นพรรคที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มันจึงเป็นยักษ์ และเป็นยักษ์ที่จำแลงแปลงร่างมาในรูปโฉมใหม่ ดังนั้นมันย่อมไม่วายที่จะต้องกินคนเป็นอาหารโดยมิพักต้องสงสัยใดๆ อีกเลย
ถ้าจะว่าให้เข้าเรื่องกับที่ท่านอาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ได้เปรียบเทียบไว้ ก็ย่อมกล่าวได้ว่ามันเป็นยักษ์จำแลงที่ถูกปลุกเสกให้มายึดบ้านยึดเมือง ให้มากินคนไทยนั่นเอง
มันจะไม่ทำอย่างอื่นเลย ถึงคนไทยจะเดือดร้อนทุกข์เข็ญจากปัญหาข้าวยากหมากแพง ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุม ปัญหาถูกกดขี่ข่มเหง หรือช้ำใจจากที่ประเทศชาติถูกปล้นชิงฉ้อฉล มันก็จะไม่สนใจแก้ไขอะไรให้
มันจะทำอย่างเดียวเท่านั้นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัดตอนความผิดชั่วทั้งหลายไม่ให้ขึ้นสู่ศาล ทำลายอำนาจอธิปไตยทั้งสามของปวงชนที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ แล้วเข้ายึดครองอำนาจนั้นเป็นของคนคนเดียว คณะเดียว
ดังนั้นเพียงแค่ 3 เดือน ยักษ์ตนนี้ก็ได้กินเลือดกินเนื้อเถือหนังคนไทยไปจนเหลือแต่กระดูกแล้ว มันกินเลือดกินเนื้ออย่างไรบ้าง?
ประการแรก ปล่อยให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศถูกโกงค่าน้ำมันโดยการขึ้นค่าน้ำมันแทบจะวันเว้นวันอยู่แล้ว เพียงแค่ 3 เดือนค่าน้ำมันขึ้นไปถึงลิตรละ 10 บาท และทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าน้ำมันที่แพงกว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านถึงลิตรละ 7 บาทเป็นอย่างต่ำ ในขณะที่พวกทุนการเมืองที่ถือหุ้นบริษัทค้าน้ำมันพากันร่ำรวยมหาศาล
ประการที่สอง ปล้นประชาชนไทยที่กินข้าวทุกคนโดยการขึ้นราคาข้าวสารจากถังละเกือบ 300 บาท เป็นถังละร่วม 600 บาท ในขณะที่ชาวนาไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ เลย และกลับต้องซื้อข้าวสารมากินในราคาที่แพงลิบลิ่ว วันนี้ข้าวนาปรังกำลังจะออก มันก็ร่วมกันกดหัวชาวนาทำให้ราคาข้าวที่จะซื้อจากชาวนาราคาตกต่ำถึงตันละ 5,000 บาท เหลือเพียงตันละไม่ถึง 6,000 บาทเท่านั้น
ประการที่สาม โกงคนไทยที่กินน้ำตาลทั้งประเทศ ไม่ว่าจะกินน้ำตาลล้วนๆ หรือกินขนม หรือเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล แม้กระทั่งกาแฟ น้ำปลา ซึ่งต้องใช้น้ำตาล ถึงกิโลกรัมละ 5.25 บาท เป็นการปล้นครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่คนไทยรู้จักกินน้ำตาลเป็นต้นมา โดยที่ชาวไร่อ้อยไม่ได้ผลประโยชน์แม้แต่สตางค์แดงเดียว
ประการที่สี่ สมคบกับนายทุนใหญ่ให้ขึ้นราคาสินค้าและบริการทุกชนิดทุกประเภท ทั้งเป็นการให้ขึ้นราคาโดยชอบด้วยกฎหมาย และทั้งที่เป็นการให้ขึ้นราคาโดยการทำเป็นเพิกเฉยไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆ ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการเร่งการถอนทุนเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยขูดรีดประชาชนคนยากคนจน แม่บ้าน คนขับรถแท็กซี่ ลูกจ้าง และข้าราชการอย่างเลือดเย็น
ประการที่ห้า ปล่อยให้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปตามยถากรรม ปล่อยให้ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ ตลอดจนประชาชนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตไม่เว้นแต่ละวัน โดยไม่มีพวกชั่วครองเมืองหน้าไหนใส่ใจไยดีที่จะเข้าไปแก้ไขแม้แต่คนเดียว เป็นการสร้างเงื่อนไขให้ประเทศต้องสูญเสียดินแดนและเสียอธิปไตยของชาติครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
ประการที่หก เอื้อประโยชน็ให้แก่ทุนการเมืองในการขอและได้มาซึ่งสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในทะเลอันเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับเขมร โดยทำเป็นเพิกเฉยไม่สนใจยอมให้เขมรประกาศเอาเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว อันเป็นการลิดรอนและกระทบกระเทือนต่ออธิปไตยของประเทศไทยอย่างร้ายแรง
เรื่องนี้ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เริ่มดำเนินการมาเป็นส่วนใหญ่แล้วในปี 2548 และ 2549 โชคดีที่มีการปฏิวัติเสียก่อน มิฉะนั้นประเทศไทยเสียอธิปไตยในส่วนนี้ไปแล้ว และมันกำลังจะเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกแล้ว
เราเรียกร้องให้กองทัพไทยพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติด้วยชีวิต และจะต้องไม่ยินยอมให้พวกชั่วครองเมืองเอาอธิปไตยของชาติเหนือดินแดนดังกล่าวที่บรรพบุรุษสร้างสมมาไปแลกกับผลประโยชน์จากการได้สัมปทานของพวกทุนการเมืองอย่างเด็ดเดี่ยว
ประการที่เจ็ด เหยียดหยามย่ำยีและข่มเหงน้ำใจข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกหัวระแหง บรรดาข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตถูกจับโยกย้ายเหมือนหนึ่งเป็นโต๊ะเก้าอี้ คนดีทำงานไม่ได้ ในขณะที่คนชั่วได้รับการส่งเสริมให้ครองอำนาจเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
มันกำลังท้าทายคำตรัสสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า ต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมืองและป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมืองอย่างตรงตัวที่สุด
ข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตทั้งประเทศจะต้องไม่ยอมจำนนต่อความชั่วร้ายทั้งหลาย ต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่กลัวการถูกย้ายเข้าประจำกรม เพราะย่อมได้รับความเป็นธรรมในสักวันหนึ่ง ในขณะที่พวกชั่วทั้งหลายย่อมต้องได้รับวิบากกรรมตามสนองตามกฎแห่งกรรมอย่างแน่นอน
ประการที่แปด แบ่งแยกประเทศไทยและคนไทยออกเป็นฝักเป็นฝ่าย เตรียมให้เกิดสงครามประชาชนให้คนไทยฆ่ากันเองอย่างอำมหิต และทำกันเป็นล่ำเป็นสันเป็นขบวนการใหญ่ ปัจจุบันนี้ก็ส่อเค้าให้เห็นการแบ่งแยกประเทศไทยและคนไทยเป็นไทยภาคเหนือ ไทยภาคอีสาน ชัดเจนขึ้นทุกวันแล้ว
การกระทำเยี่ยงนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเข้าลักษณะกบฏต่อชาติ เพราะเป็นการตอกลิ่มลึกแห่งความแตกแยกของชาติอย่างร้ายกาจที่สุด ยิ่งนานวันเท่าใดยิ่งแก้ไขได้ยากเท่านั้น
ประการที่เก้า ระดมอันธพาลจากทุกท้องที่มาจัดเป็นกองทัพมวลชนขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่คุกคามและข่มเหงใครก็ตามที่ไม่ใช่พวกพ้องหรือไม่เห็นด้วยกับความประสงค์ของพวกมัน ถึงขนาดกล้าประกาศเผชิญหน้ากับกองทัพไทยอย่างเปิดเผยแล้ว ยุคอันธพาลครองเมืองได้ปรากฏโฉมชัดเจนขึ้นแล้ว หลังจากที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ปราบปรามครั้งใหญ่และทำให้บ้านเมืองสงบสุขมากว่า 50 ปี
ประการที่สิบ รู้เห็นกับขบวนการล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปล่อยให้เคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ อย่างมีแผนและจังหวะก้าว ประสานงานทั้งแนวรบต่างประเทศ ในประเทศ และชนบทอย่างสลับซับซ้อน หมายจะปราบดาภิเษกระบอบการปกครองใหม่ในอีกไม่นานข้างหน้านี้
สิบประการนี้คืออาการที่ยักษ์จำแลงกำลังกินคนไทยและประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ และนี่คือปัญหาเร่งด่วนที่สุดของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ที่จะต้องร่วมกันแก้ไขจัดการก่อนที่จะสายเกินไป
นึกดูอีกทีก็น่าสะใจคนไทยในบางจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งเป็นเกษตรกรชาวไร่ชาวนาที่หลงใหลและหลงเชื่อยักษ์จำแลงแล้วอุ้มชูให้มันมากินประเทศไทยและคนไทยจนเป็นที่เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า
คนที่อุ้มชูยักษ์จำแลงนี้ก็กำลังสิ้นเนื้อประดาตัว ไร่นาสาโทต้องถูกเจ้าหนี้ยึดไปแทบหมดสิ้น ลูกสาวก็ต้องส่งไปทำมาหากินในต่างประเทศ ลูกชายก็ต้องขายแรงงานเร่ร่อนจรจัดทั่วไป ในขณะที่ตัวเองซึ่งเป็นผู้ปลูกข้าวกลับต้องซื้อข้าวสารทีละกระป๋องทีละลิตรมากินในราคาที่แพงลิบลิ่ว และกำลังจะไม่มีข้าวกินในที่สุด
ค่าจ้างก่อม็อบหรือค่ากาบัตรลงคะแนนเลือกตั้งแต่ละครั้งไม่กี่ร้อยบาท มันจะคุ้มกันหรือกับสภาพที่เป็นอยู่เช่นนี้?
แต่ทว่าเรื่องของชาติบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องที่จะสะใจหรือปล่อยให้เป็นอย่างไรก็ได้ หากทุกคนต้องช่วยกันร่วมมือสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งสิบประการนี้ให้สำเร็จลุล่วงโดยไวที่สุด ความสงบสุขก็จะกลับคืนสู่ชาติบ้านเมืองของเราอีกครั้งหนึ่ง
ปัญหาของประเทศไทยและคนไทยจึงไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่ยักษ์จำแลงที่กำลังกลืนกินประเทศไทยและคนไทยต่างหาก!
ไอ้พวกชั่วครองเมืองได้ตระบัดสัตย์คำถวายสัตย์ปฏิญาณอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
และดึงดันไม่ปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานในวันเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ที่ทรงรับสั่งว่าให้สนใจแก้ไขปัญหาของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน
มันเป็นรัฐบาลลูกกรอกหรือกุมารทองโดยแท้ เพราะมันไม่ฟังใครทั้งนั้น อย่าว่าแต่เสียงเรียกร้องของประชาชนเลย แม้กระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมันก็ไม่รับฟังและไม่ทำตาม
มันรับฟังและทำตามเฉพาะคำสั่งของจอมขมังเวทผู้ปลุกเสกพวกมันขึ้นมาเท่านั้น
์
ดังนั้นในวันนี้ประเทศไทยของเราจึงตกอยู่ในสภาพที่เหมือนกับมียักษ์ตัวใหญ่กำลังกินคนไทยทั้งประเทศอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
ใครที่ชอบอ่านวรรณคดีไทยแต่โบราณย่อมจำได้หมายรู้ว่าในวรรณคดีไทยจำนวนมากนั้น จะมีเรื่องเกี่ยวกับยักษ์จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์มาหลอกหลอนให้คนหลงเชื่อว่าเป็นสตรีงาม มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความอ่อนหวานน่ารักน่าชื่นชมเสียจริงๆ
ในยามจำแลงแปลงกายนั้นก็จะเหมือนคนธรรมดาทุกอย่าง ไม่มีทีท่าว่าจะดุร้ายหรือกินคนได้เลย แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่มีคนขัดใจหรือจับได้ไล่ทันว่ามันเป็นยักษ์จำแลง มันก็จะกินคนนั้นเสียในทันที
เรื่องราวเหล่านี้ในวรรณคดีไทยมีมานานแล้ว จะมีรากฐานตำนานความจริงอย่างไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ก็พออนุมานได้ว่าบรรพบุรุษของไทยแต่โบราณนั้นท่านเฉลียวฉลาด ท่านสอนเยาวชนลูกหลานเป็นนัยไว้อย่างชัดเจน สมดังคำพังเพยไทยที่ว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน แล้วจะจนใจเอง”
ท่านสอนให้ตระหนักว่าจะดูแต่ปรากฏการณ์คำพูดคำจาหรือกิริยาท่าทีภายนอกนั้นไม่ได้ ขืนดูเอาแต่เพียงเท่านี้แล้วยึดถือเป็นจริงเป็นจังก็มีแต่จะถูกหลอกแล้วกลายเป็นเหยื่อ ทำนองเดียวกับคนที่ถูกยักษ์จำแลงจับไปกินนั่นแหละ
ดังนั้นการจะดูว่าใครเป็นใครจึงต้องดูให้ถ่องแท้ถึงธาตุแท้และประวัติความเป็นมาของผู้นั้น ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นยักษ์หรือเป็นคนกันแน่? เพราะถ้าเป็นยักษ์จำแลงมันไม่มีทางที่จะเป็นมนุษย์หรือเป็นคนปกติอย่างเราท่านได้เลย มันมีแต่ความดุร้ายกระหายหิวอยู่เป็นนิตย์ และย่อมกินคนเป็นอาหารเสมอ
รัฐบาลหุ่นในวันนี้ก็คือรัฐบาลที่มาจากพรรคนอมินีของพรรคไทยรักไทย ดังที่ กกต. ท่านได้สรุปไว้นั่นเอง
แล้วพรรคไทยรักไทยล่ะเป็นอะไร? คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้วว่าเป็นพรรคที่ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นพรรคที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มันจึงเป็นยักษ์ และเป็นยักษ์ที่จำแลงแปลงร่างมาในรูปโฉมใหม่ ดังนั้นมันย่อมไม่วายที่จะต้องกินคนเป็นอาหารโดยมิพักต้องสงสัยใดๆ อีกเลย
ถ้าจะว่าให้เข้าเรื่องกับที่ท่านอาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ได้เปรียบเทียบไว้ ก็ย่อมกล่าวได้ว่ามันเป็นยักษ์จำแลงที่ถูกปลุกเสกให้มายึดบ้านยึดเมือง ให้มากินคนไทยนั่นเอง
มันจะไม่ทำอย่างอื่นเลย ถึงคนไทยจะเดือดร้อนทุกข์เข็ญจากปัญหาข้าวยากหมากแพง ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุม ปัญหาถูกกดขี่ข่มเหง หรือช้ำใจจากที่ประเทศชาติถูกปล้นชิงฉ้อฉล มันก็จะไม่สนใจแก้ไขอะไรให้
มันจะทำอย่างเดียวเท่านั้นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัดตอนความผิดชั่วทั้งหลายไม่ให้ขึ้นสู่ศาล ทำลายอำนาจอธิปไตยทั้งสามของปวงชนที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ แล้วเข้ายึดครองอำนาจนั้นเป็นของคนคนเดียว คณะเดียว
ดังนั้นเพียงแค่ 3 เดือน ยักษ์ตนนี้ก็ได้กินเลือดกินเนื้อเถือหนังคนไทยไปจนเหลือแต่กระดูกแล้ว มันกินเลือดกินเนื้ออย่างไรบ้าง?
ประการแรก ปล่อยให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศถูกโกงค่าน้ำมันโดยการขึ้นค่าน้ำมันแทบจะวันเว้นวันอยู่แล้ว เพียงแค่ 3 เดือนค่าน้ำมันขึ้นไปถึงลิตรละ 10 บาท และทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าน้ำมันที่แพงกว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านถึงลิตรละ 7 บาทเป็นอย่างต่ำ ในขณะที่พวกทุนการเมืองที่ถือหุ้นบริษัทค้าน้ำมันพากันร่ำรวยมหาศาล
ประการที่สอง ปล้นประชาชนไทยที่กินข้าวทุกคนโดยการขึ้นราคาข้าวสารจากถังละเกือบ 300 บาท เป็นถังละร่วม 600 บาท ในขณะที่ชาวนาไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ เลย และกลับต้องซื้อข้าวสารมากินในราคาที่แพงลิบลิ่ว วันนี้ข้าวนาปรังกำลังจะออก มันก็ร่วมกันกดหัวชาวนาทำให้ราคาข้าวที่จะซื้อจากชาวนาราคาตกต่ำถึงตันละ 5,000 บาท เหลือเพียงตันละไม่ถึง 6,000 บาทเท่านั้น
ประการที่สาม โกงคนไทยที่กินน้ำตาลทั้งประเทศ ไม่ว่าจะกินน้ำตาลล้วนๆ หรือกินขนม หรือเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล แม้กระทั่งกาแฟ น้ำปลา ซึ่งต้องใช้น้ำตาล ถึงกิโลกรัมละ 5.25 บาท เป็นการปล้นครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่คนไทยรู้จักกินน้ำตาลเป็นต้นมา โดยที่ชาวไร่อ้อยไม่ได้ผลประโยชน์แม้แต่สตางค์แดงเดียว
ประการที่สี่ สมคบกับนายทุนใหญ่ให้ขึ้นราคาสินค้าและบริการทุกชนิดทุกประเภท ทั้งเป็นการให้ขึ้นราคาโดยชอบด้วยกฎหมาย และทั้งที่เป็นการให้ขึ้นราคาโดยการทำเป็นเพิกเฉยไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆ ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการเร่งการถอนทุนเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยขูดรีดประชาชนคนยากคนจน แม่บ้าน คนขับรถแท็กซี่ ลูกจ้าง และข้าราชการอย่างเลือดเย็น
ประการที่ห้า ปล่อยให้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปตามยถากรรม ปล่อยให้ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ ตลอดจนประชาชนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตไม่เว้นแต่ละวัน โดยไม่มีพวกชั่วครองเมืองหน้าไหนใส่ใจไยดีที่จะเข้าไปแก้ไขแม้แต่คนเดียว เป็นการสร้างเงื่อนไขให้ประเทศต้องสูญเสียดินแดนและเสียอธิปไตยของชาติครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
ประการที่หก เอื้อประโยชน็ให้แก่ทุนการเมืองในการขอและได้มาซึ่งสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในทะเลอันเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับเขมร โดยทำเป็นเพิกเฉยไม่สนใจยอมให้เขมรประกาศเอาเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว อันเป็นการลิดรอนและกระทบกระเทือนต่ออธิปไตยของประเทศไทยอย่างร้ายแรง
เรื่องนี้ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เริ่มดำเนินการมาเป็นส่วนใหญ่แล้วในปี 2548 และ 2549 โชคดีที่มีการปฏิวัติเสียก่อน มิฉะนั้นประเทศไทยเสียอธิปไตยในส่วนนี้ไปแล้ว และมันกำลังจะเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกแล้ว
เราเรียกร้องให้กองทัพไทยพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติด้วยชีวิต และจะต้องไม่ยินยอมให้พวกชั่วครองเมืองเอาอธิปไตยของชาติเหนือดินแดนดังกล่าวที่บรรพบุรุษสร้างสมมาไปแลกกับผลประโยชน์จากการได้สัมปทานของพวกทุนการเมืองอย่างเด็ดเดี่ยว
ประการที่เจ็ด เหยียดหยามย่ำยีและข่มเหงน้ำใจข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกหัวระแหง บรรดาข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตถูกจับโยกย้ายเหมือนหนึ่งเป็นโต๊ะเก้าอี้ คนดีทำงานไม่ได้ ในขณะที่คนชั่วได้รับการส่งเสริมให้ครองอำนาจเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
มันกำลังท้าทายคำตรัสสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า ต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมืองและป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมืองอย่างตรงตัวที่สุด
ข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตทั้งประเทศจะต้องไม่ยอมจำนนต่อความชั่วร้ายทั้งหลาย ต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่กลัวการถูกย้ายเข้าประจำกรม เพราะย่อมได้รับความเป็นธรรมในสักวันหนึ่ง ในขณะที่พวกชั่วทั้งหลายย่อมต้องได้รับวิบากกรรมตามสนองตามกฎแห่งกรรมอย่างแน่นอน
ประการที่แปด แบ่งแยกประเทศไทยและคนไทยออกเป็นฝักเป็นฝ่าย เตรียมให้เกิดสงครามประชาชนให้คนไทยฆ่ากันเองอย่างอำมหิต และทำกันเป็นล่ำเป็นสันเป็นขบวนการใหญ่ ปัจจุบันนี้ก็ส่อเค้าให้เห็นการแบ่งแยกประเทศไทยและคนไทยเป็นไทยภาคเหนือ ไทยภาคอีสาน ชัดเจนขึ้นทุกวันแล้ว
การกระทำเยี่ยงนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเข้าลักษณะกบฏต่อชาติ เพราะเป็นการตอกลิ่มลึกแห่งความแตกแยกของชาติอย่างร้ายกาจที่สุด ยิ่งนานวันเท่าใดยิ่งแก้ไขได้ยากเท่านั้น
ประการที่เก้า ระดมอันธพาลจากทุกท้องที่มาจัดเป็นกองทัพมวลชนขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่คุกคามและข่มเหงใครก็ตามที่ไม่ใช่พวกพ้องหรือไม่เห็นด้วยกับความประสงค์ของพวกมัน ถึงขนาดกล้าประกาศเผชิญหน้ากับกองทัพไทยอย่างเปิดเผยแล้ว ยุคอันธพาลครองเมืองได้ปรากฏโฉมชัดเจนขึ้นแล้ว หลังจากที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ปราบปรามครั้งใหญ่และทำให้บ้านเมืองสงบสุขมากว่า 50 ปี
ประการที่สิบ รู้เห็นกับขบวนการล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปล่อยให้เคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ อย่างมีแผนและจังหวะก้าว ประสานงานทั้งแนวรบต่างประเทศ ในประเทศ และชนบทอย่างสลับซับซ้อน หมายจะปราบดาภิเษกระบอบการปกครองใหม่ในอีกไม่นานข้างหน้านี้
สิบประการนี้คืออาการที่ยักษ์จำแลงกำลังกินคนไทยและประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ และนี่คือปัญหาเร่งด่วนที่สุดของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ที่จะต้องร่วมกันแก้ไขจัดการก่อนที่จะสายเกินไป
นึกดูอีกทีก็น่าสะใจคนไทยในบางจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งเป็นเกษตรกรชาวไร่ชาวนาที่หลงใหลและหลงเชื่อยักษ์จำแลงแล้วอุ้มชูให้มันมากินประเทศไทยและคนไทยจนเป็นที่เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า
คนที่อุ้มชูยักษ์จำแลงนี้ก็กำลังสิ้นเนื้อประดาตัว ไร่นาสาโทต้องถูกเจ้าหนี้ยึดไปแทบหมดสิ้น ลูกสาวก็ต้องส่งไปทำมาหากินในต่างประเทศ ลูกชายก็ต้องขายแรงงานเร่ร่อนจรจัดทั่วไป ในขณะที่ตัวเองซึ่งเป็นผู้ปลูกข้าวกลับต้องซื้อข้าวสารทีละกระป๋องทีละลิตรมากินในราคาที่แพงลิบลิ่ว และกำลังจะไม่มีข้าวกินในที่สุด
ค่าจ้างก่อม็อบหรือค่ากาบัตรลงคะแนนเลือกตั้งแต่ละครั้งไม่กี่ร้อยบาท มันจะคุ้มกันหรือกับสภาพที่เป็นอยู่เช่นนี้?
แต่ทว่าเรื่องของชาติบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องที่จะสะใจหรือปล่อยให้เป็นอย่างไรก็ได้ หากทุกคนต้องช่วยกันร่วมมือสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งสิบประการนี้ให้สำเร็จลุล่วงโดยไวที่สุด ความสงบสุขก็จะกลับคืนสู่ชาติบ้านเมืองของเราอีกครั้งหนึ่ง
ปัญหาของประเทศไทยและคนไทยจึงไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่ยักษ์จำแลงที่กำลังกลืนกินประเทศไทยและคนไทยต่างหาก!