xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 3-9 ก.พ.2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ หรือ คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อชม Photo Slide Show


1.“ในหลวง”โปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่แล้ว พร้อมขอให้ ครม.ทำงานเพื่อชาติ ไม่ทำให้ ปชช.ผิดหวัง!

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดที่ 57 จำนวน 36 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ และ รมว.ศึกษาธิการ 2.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ 3.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง 4.นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกฯ 5.พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ 6.นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯ และ รมว.อุตสาหกรรม 7.นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ 8.นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ 9.นายสมัคร สุนทรเวช รมว.กลาโหม(อีก 1 ตำแหน่ง) 10.นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง 11.ร.ต.(หญิง)ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง 12.นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ 13.นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา 14.นายสุธา ชันแสง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 15.นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ 16.นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รมช.เกษตรและสหกรณ์ 17.นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ 18.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม 19.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม 20.นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม 21.นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 22.นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 23.พล.ท.(หญิง)พูนภิรมณ์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน 24.นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ 25.พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์ 26.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย 27.นายสุพล ฟองงาม รมช.มหาดไทย 28.นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รมช.มหาดไทย 29.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม 30.นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน 31.นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รมว.วัฒนธรรม 32.นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 33.นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ 34.นายพงศกร อรรณนพพร รมช.ศึกษาธิการ 35.นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข 36.นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข ทั้งนี้ เย็นวันเดียวกัน(6 ก.พ.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ในการนี้ ทรงมีพระบรมราโชวาทให้ ครม.ปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้ประชาชนไม่ผิดหวัง

อาจจะแปลกหรืออาจจะเรียกว่าแปลก ทำไม คน 35 คนจะต้องเสียสละเพื่อคน 63 ล้าน ก็เพราะว่า คน 63 ล้านเขาหวังว่า คณะรัฐมนตรีจะทำงานเพื่อเขา ถ้าไม่ทำงานเพื่อประชาชน ก็จะทำงานเพื่ออะไร ฉะนั้นขอให้ท่านพยายามที่จะทำ อาจจะทำยาก แต่ว่าเชื่อว่าท่านจะต้องทำได้ เพื่อให้ประเทศชาติไม่ผิดหวังในงานที่ท่านกำลังทำอยู่ ถ้าเขาไม่ผิดหวัง ท่านก็เป็นผู้ที่เรียกว่ามีความดี และถ้าทำด้วยความดีนั้น ก็ที่จริงก็โก้ไม่หยอก รู้สึกโก้ดี ที่ทำเพื่อให้ประชาชนได้หวัง”

“ในหลวง” รับสั่งให้ ครม.ใหม่ เสียสละเพื่อ 63 ล้านคน

2.“สมเด็จพระบรมฯ-สมเด็จพระเทพฯ”ทรงรับเป็นองค์ ปธ.ที่ปรึกษาพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ “พระพี่นางฯ” แล้ว!


เมื่อวันที่ 6 ก.พ.นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เผยว่า ขณะนี้ราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีหนังสือตอบรับว่า ทั้งสองพระองค์ทรงรับเป็นองค์ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์แล้ว ดังนั้นคณะกรรมการฯ ที่มีนายกฯ เป็นประธาน จะกราบบังทูลเชิญทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ทรงร่วมประชุมคณะกรรมการฯ หลังจากรัฐบาลชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ วันเดียวกัน(6 ก.พ.) สำนักพระราชวัง แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา และราชนิกุลร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญพระราชกุศล บำเพ็ญพระกุศล และบำเพ็ญกุศลถวายพระศพประจำวันพุธที่ 13 ก.พ.นี้ เวลา 10.00น. ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำนักพระราชวังจึงขอเชิญให้ราชสกุล ณ อยุธยา และราชนิกุลชูโต ,ณ บางช้าง ,ณ พัทลุง ,จันทโรจน์วงศ์ ,บุรณศิริ ,สุจริตกุล และอื่นๆ เข้าร่วมบำเพ็ญพระกุศลในวันดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน ส่วนความคืบหน้าในการซ่อมราชรถ ราชยาน และพระยานมาศนั้น เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ได้มีการทำพิธีบวงสรวงการซ่อมราชรถ พระยานมาศ และเครื่องประกอบที่จะใช้ในพระราชพิธีเคลื่อนพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แล้ว ที่มณฑลพิธีด้านหน้าโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยมีคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน ด้าน น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบพระเมรุ เผย คาดว่าจะใช้เวลาซ่อมราชรถ พระยานมาศ และเครื่องประกอบอื่นๆ ประมาณ 3-4 เดือน

บวงสรวงราชยานเรียบร้อย “อาวุธ” คาด 4 เดือนซ่อมเสร็จ

3.“สมัคร”เล็งนิรโทษกรรม 111 ศพ ทรท. ขณะที่ “รมต.”ดี๊ด๊า รีบโชว์ผลงาน!

หลังนำ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 6 ก.พ.แล้ว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้นำ ครม.ถ่ายรูปร่วมกันที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นได้แถลงถึงการทำงานของ ครม.โดยพูดถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า เป็นเรื่องใหญ่ จึงต้องผ่าออกเป็น 2 ส่วน โดยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ จะดูแลเรื่องการหาเงินเข้าประเทศ ส่วน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง จะดูเรื่องวินัยการเงินการคลังและค่าเงินบาท ซึ่งการทำงานของทั้งสองจะมีทีมของตัวเอง นายสมัคร ยังแย้มด้วยว่า ช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่รัฐบาลจะไป จะดูเรื่องแก้ รธน.พร้อมๆ กับการนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่ถ้ารัฐบาลมาได้ครึ่งทางแล้ว เกิดขาดบุคลากร ก็อาจจะนิรโทษกรรมบุคคลดังกล่าวเร็วขึ้น เพราะ 111 คนนี้เป็นคนดีๆ ทั้งนั้น ด้านสำนักข่าวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเอเอฟพีหรือรอยเตอร์ ต่างวิพาษ์วิจารณ์ ครม.ชุดใหม่ภายใต้การนำของนายสมัครว่า เต็มไปด้วยคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เช่น นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็น รมว.ต่างประเทศ ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ อดีตโฆษกรัฐบาลทักษิณ ก็ได้เป็น รมว.คลัง ทั้งที่มีภูมิหลังเรียนมาทางแพทย์ ไม่ใช่เศรษฐกิจ ดังนั้น รมว.คลังคนใหม่น่าจะคุ้นเคยกับการลดน้ำหนักและลดรอบเอวเพื่อแก้ปัญหาทรวดทรงองค์เอวมากกว่าแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หลังได้รับโปรดเกล้าฯ ปรากฏว่า รัฐมนตรีแต่ละคนต่างถือฤกษ์เริ่มงานและเข้าถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงในวันที่ 7 ก.พ. ขณะที่รัฐมนตรีหลายคนเริ่มผุดไอเดียโครงการและนโยบายที่จะทำ เช่น นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ประกาศ จะแก้ไขโครงสร้างเงินเดือนของแพทย์และพยาบาลใหม่ ซึ่งจะทำให้ได้เงินเดือนเพิ่ม 4% นอกจากนี้ยังประกาศจะทบทวนการทำซีแอลยามะเร็ง 4 รายการด้วย โดยอ้างว่า การทำซีแอลมีทั้งข้อดี-ข้อเสีย ซึ่งต้องดูว่า เมืองไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งมากขนาดที่ไทยจะต้องทำซีแอลจริงหรือไม่ และผู้ป่วยเข้าไม่ถึงยาจริงหรือไม่ ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งจะดูแลเรื่องสื่อ รวมทั้งควบตำแหน่งโฆษกรัฐบาล ก็ได้ประกาศจะจัดระเบียบสื่อแล้ว โดยเฉพาะสื่อของรัฐอย่างกรมประชาสัมพันธ์ ,อสมท ไม่เว้นแม้แต่ทีวีสาธารณะไทยพีบีเอส ซึ่งนายจักรภพ ประกาศกร้าวว่า ไม่กลัวจะถูกมองว่าเข้ามาล้วงลูก เพราะถ้ากลัวเปลืองตัว ก็คงไม่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ด้านนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ก็ได้ส่งสัญญาณชี้นำให้กระทรวงการต่างประเทศคืนพาสปอร์ตแดง(หนังสือเดินทางทูต)แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว หลังถูกเพิกถอนพาสปอร์ตดังกล่าวเนื่องจากต้องคดีทุจริตหลายคดี โดยนายนพดล อ้างว่า อดีตนายกฯ ทุกคนก็ได้รับพาสปอร์ตดังกล่าวและไม่ถูกเพิกถอน ดังนั้นอดีตนายกฯ ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้เริ่มงานด้วยการกล่าวขอโทษประชาชนว่า ที่ผ่านมา ตนและครอบครัวอาจทำอะไรที่ทำให้สังคมไม่สบายใจไปบ้าง จากนี้ไปจะใช้หนี้ด้วยการทำงานให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิมได้ประกาศจะดำเนินรอยตามนโยบายปราบยาเสพติดอย่างเฉียบขาดตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้เคยทำไว้ พร้อมบอก จะดำเนินการให้มีความชัดเจนภายใน 90 วัน ร.ต.อ.เฉลิม ยังออกอาการปกป้องพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนด้วยการยอมรับว่า ที่บางคนพูดว่าพรรคพลังประชาชนก็คือพรรคไทยรักไทยเดิมนั้น ถูกต้องแล้ว และที่ผ่านมาไปยุบพรรคไทยรักไทยทำไม ถ้ายุบพรรคพลังประชาชนอีกที คราวนี้จะตั้งชื่อ”พรรคทักษิณ”ให้ชัดไปเลย ทั้งนี้ รัฐบาลนายสมัครมีกำหนดจะแถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ 18 ก.พ.นี้

4.“คมช.”แถลงยุติบทบาท รับ ผลงานไม่เข้าเป้า แต่ยัน ทำเพื่อชาติ!


เมื่อวันที่ 7 ก.พ.พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ได้นำทีมสมาชิก คมช.เปิดแถลงยุติบทบาทของ คมช.อย่างเป็นทางการ ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดย พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างสมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง ส.ส.และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ตาม รธน.2550 จนสามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีจริยธรรม ยึดมั่นต่อกฎหมาย แก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม แก้ปัญหาเศรษฐกิจชาติ ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่กำหนดไว้ใน รธน. เพื่อป้องกันมิให้ชาติกลับสู่สถานการณ์ที่บอบช้ำเช่นในอดีตหรือเป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ พล.อ.อ.ชลิต ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ รวมทั้ง ครม.ข้าราชการ องค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้น และประชาชนที่ช่วยกันประคับประคองประเทศชาติ จนก้าวเดินมาอยู่ ณ ปัจจุบัน และว่า หากมีการกระทำใดๆ ที่มีผลกระทบต่อประชาชน คมช.ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมา คมช.ได้ปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างบนพื้นฐานความถูกต้อง มีกฎหมายรองรับ และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ยอมรับว่า ภาพรวมยังไม่สามารถทำให้เกิดผลสูงสุดตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ทุกประการ เพราะหลายปัญหาจำเป็นต้องใช้เวลา กลไก ทั้งกฎหมายและองค์กรรัฐ ตลอดจนความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทำให้ไม่สามารถเห็นผลได้ในระยะเวลาอันสั้น และว่า หลังจากนี้ คมช.จะหมดภาระหน้าที่ไปตาม รธน.กลับไปเป็นกองทัพของชาติและประชาชน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การแถลงยุติบทบาทของ คมช.ครั้งนี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.ไม่ได้มาร่วมงาน แต่ได้ให้นายทหารคนสนิทนำของที่ระลึกเป็นคริสตัลแก้วรูปฟาโรห์ที่ พล.อ.สนธิ ซื้อกลับมาระหว่างเดินทางไปประเทศแถบตะวันออกกลางเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมอบของที่ระลึกดังกล่าวให้เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 6 ได้แก่ พล.อ.อ.ชลิต ,พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช.

คมช.ปิดฉาก - “ชลิต” ยอมรับไม่บรรลุเป้าหมายภารกิจ

5. “ดีเอสไอ”เสนอ“อสส.”สั่งฟ้อง “พจมาน”กับพวก คดีปกปิดหุ้นเอสซีฯ แล้ว!

เมื่อวันที่ 8 ก.พ.นายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้นำคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วยนางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และนางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ กรรมการบริษัทเอสซีฯ ในฐานะผู้ต้องหาคดีปกปิดการยื่นแบบแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)โครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีฯ พร้อมสำนวนพยานหลักฐาน 7 กล่อง ส่งให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งคดีต่อไป โดยดีเอสไอได้สรุปความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาดังกล่าว ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้ ไม่ได้มีเพียงคุณหญิงพจมาน(ผู้ต้องหาที่ 4) นางบุษบา(ผู้ต้องหาที่ 2) และนางเพ็ญโสม(ผู้ต้องหาที่ 1)เท่านั้น แต่รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ผู้ต้องหาที่ 3)ด้วย แต่เนื่องจากขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศ พนักงานสอบสวนดีเอสไอจึงส่งมอบผู้ต้องหาแค่ 3 รายก่อน ด้านอัยการหลังรับมอบสำนวนคดีดังกล่าว ได้นัดผู้ต้องหามาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 28 มี.ค.นี้(เวลา 10.00น.) โดยในชั้นนี้ อัยการได้อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนโดยใช้หลักทรัพย์เดียวกับที่ผู้ต้องหาได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ คือ เงินสด 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขการประกันตามที่ดีเอสไอเคยกำหนดไว้ คือ หากจะเดินทางออกนอกประเทศ จะต้องแจ้งอัยการให้พิจารณาอนุญาตก่อนทุกครั้ง ทั้งนี้ มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ตัดสินใจจะเดินทางกลับประเทศเร็วกว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ในเดือน พ.ค. โดยในเร็วๆ นี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางท่องเที่ยวหลายประเทศในอเมริกาใต้ จากนั้นจะเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อมอบตัวสู้คดีซื้อที่รัชดาฯและจะขอประกันตัว เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็จะขออนุญาตศาลเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ โดยคาดว่าจะใช้เวลาอยู่ในไทยประมาณ 1 สัปดาห์

ดีเอสไอส่งสำนวน “เอสซี แอสเสทฯ” ชงอัยการเอาผิด “แม้ว-อ้อ”

6. “คตส.”มีมติฟัน “เนวิน”พร้อมเพื่อน รมต. คดีทุจริตกล้ายางฯ แล้ว!

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้นที่มีนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส.เป็นประธาน โดยให้ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้จำนวน 45 ราย จากจำนวนผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาในชั้นการตรวจสอบทั้งหมด 90 ราย โดยจะให้อนุกรรมการทำสำนวนเสนอสั่งฟ้องผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวส่งให้อัยการภายใน 14 วัน ทั้งนี้ นายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษก คตส.เผยว่า ผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดีจัดซื้อกล้ายางนี้ แบ่งเป็นกลุ่มคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร(คชก.)จำนวน 14 ราย เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธาน คชก. ,นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ในฐานะกรรมการ คชก. ,นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,นายอดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์ รวมทั้งข้าราชการระดับสูงหลายคนที่เป็นกรรมการใน คชก. นอกจากคณะกรรมการนโยบายฯ แล้ว ยังมีผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาที่เป็นกลุ่มกรรมการบริษัทเอกชน 3 บริษัท จำนวน 11 คน แบ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ 7 คน ,กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท รีสอร์ทแลนด์ 2 คน และกรรมการบริษัท เอกเจริญการเกษตรอีก 3 คน รวมถึงนายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ด้วย โดยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 10 ,13 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,157 ,341 ซึ่งนอกจาก คตส.จะเสนอสั่งฟ้องผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว ยังเสนอให้ผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาทั้งหมดร่วมรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่รัฐเป็นเงินกว่า 1.1 พันล้านบาทด้วย

มติ คตส.ฟัน 5 รมต.ทุจริตกล้ายางส่งฟ้องใน 14 วัน

7. “แก๊งซิ่ง”เกือบ 300 ชีวิต หนีไม่รอด ถูกจับส่งสถานพินิจฯ ขณะที่บางส่วนถูกขังคุกทันที 1 เดือน!

เมื่อคืนวันที่ 3 ก.พ. ตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่สายตรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ประมาณ 200 นาย ได้ตั้งด่านสกัดและปิดล้อมจับกุมแก๊งซิ่งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ ที่แข่งซิ่งในทางสาธารณะบริเวณ ถ.พระราม 6 ได้ผู้ต้องหาเป็นเยาวชนทั้งชายและหญิง อายุระหว่าง 13-20 ปี เกือบ 300 คน พร้อมรถยนต์ 16 คัน และรถจักรยานยนต์ประมาณ 150 คัน จากนั้นได้นำตัวเยาวชนทั้งหมดไปสอบที่ สน.พญาไท โดยมีการแบ่งแก๊งซิ่งดังกล่าวออกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี และเกิน 18 ปี สำหรับผู้ต้องหาที่อายุไม่เกิน 18 ปี มีจำนวน 108 คน แบ่งเป็นเยาวชนชาย 74 คน ถูกส่งไปควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์แรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตา ส่วนเยาวชนหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี มี 34 คน ถูกส่งตัวไปที่สถานแรกรับเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปราณี โดยเยาวชนทั้งชายและหญิงดังกล่าว จะต้องอยู่ที่สถานแรกรับเป็นเวลา 5 วันเพื่อเข้าอบรมโครงการค่ายเยาวชนเพื่อพัฒนาศักยภาพเชิงบวก(ช็อก เทอราปี) เพื่อฝึกอบรมทักษะชีวิตไม่ให้ทำผิดซ้ำอีก ส่วนเยาวชนที่อายุเกิน 18 ปี ซึ่งมีจำนวน 140 คน แบ่งเป็นชาย 117 คน และหญิง 23 คนนั้น ตำรวจ สน.พญาไทได้ส่งฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต ฐานร่วมกันขับแข่งรถบนทางหรือถนนสาธารณะ และก่อความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น ซึ่งศาลได้พิพากษาให้จำคุกผู้ต้องหาดังกล่าวคนละ 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา สำหรับความเคลื่อนไหวของเยาวชนชายที่บ้านเมตตาและเยาวชนหญิงที่บ้านปราณีที่เข้าโครงการฝึกอบรมทักษะชีวิตเป็นเวลา 5 วันนั้น มีรายงานว่า ในวันสุดท้าย เจ้าหน้าที่บ้านเมตตาและบ้านปราณีได้เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้เข้าร่วมกิจกรรมกับเยาวชนดังกล่าวด้วย ปรากฏว่า เยาวชนทั้งหมดต่างโผเข้ากราบเท้าและกอดพ่อแม่ พร้อมร้องไห้และสัญญาว่า จะไม่ออกนอกบ้านตอนกลางคืน จะไม่เข้าร่วมแข่งรถซิ่ง หรือไปดูการแข่งรถอีก จะกลับตัวเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน และเชื่อฟังพ่อแม่ผู้ปกครอง ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการอบรมดังกล่าวแล้ว ผู้ปกครองสามารถยื่นขอประกันตัวเยาวชนดังกล่าวต่อสถานพินิจและคุ้มครองเด็กได้ โดยยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นเงินสด 3,000 บาท และต้องไปขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในวันที่ 18 มี.ค.นี้

“เด็กแว้น” ร่ำไห้สำนึกผิด ลั่นลาขาดแก๊งซิ่งมหาประลัย!

กำลังโหลดความคิดเห็น