xs
xsm
sm
md
lg

ตราสารหนี้ครึ่งปีโต 2.7% จับตาหุ้นกู้ออกอีก 5 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดตราสารหนี้ไทยขยายตัว 2.7% จากสิ้นปีที่แล้ว จับตาสิ้นปีภาคเอกชนออกหุ้นกู้เพิ่มรับดอกเบี้ยลงอีกกว่า 5 แสนล้าน ดันทั้งปียอดออกหุ้นกู้แตะ 1 ล้านล้านบาท ระบุต่างชาติขายบอนด์ไทยต่อเนื่องเหตุส่วนต่างดอกเบี้ยสูง ไทยถูกลดน้ำหนักการลงทุนจากดัชนีตราสารหนี้โลก

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (Thai BMA) กล่าวว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 ตลาดตราสารหนี้ไทยมีมูลค่าคงค้างเท่ากับ 17 ล้านล้านบาท ขยายตัว 2.7% จากสิ้นปีที่แล้ว จากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นหลัก ในส่วนของการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) มีมูลค่า 494,371 ล้านบาท โดย 95% เป็นการออกของหุ้นกู้ในกลุ่ม Investment grade ส่วนอีก 5% เป็นกลุ่ม High yield ซึ่งมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าการออกของกลุ่มนี้มีลักษณะเป็นหุ้นกู้มีประกันในสัดส่วนที่สูงถึง 81% สำหรับในครึ่งแรกปี 2567 สูงขึ้นจาก 48% ในปี 2566 และมีอายุการออกเฉลี่ยที่ 2.2 ปี ลดลงจาก 2.5 ปี ในปี 2566

ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการออกตราสารหนี้ในส่วนของภาคเอกชนอีกประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท ส่งผลให้ในปีนี้หุ้นกู้ภาคเอกชนน่าจะออกมาแตะ 1 ล้านล้านบาทได้ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ลดลง

นอกจากนี้ การครบกำหนดหุ้นกู้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้เอกชนต้องทำการโลว์โอเวอร์หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระด้วย ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีหุ้นกู้ครบกำหนดชำระประมาณ 4.42 แสนล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Government bond yield curve) ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 ค่อนข้างทรงตัวจากปลายปี 2566 สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คงตัวอยู่ที่ 2.50% ตั้งแต่การประชุม กนง.รอบเดือนกันยายน ปี 2566

ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate bond yield curve) รุ่นอายุ 5 ปี ในช่วงครึ่งแรก ปี 2567 ของหุ้นกู้กลุ่ม AAA, AA และ A ค่อนข้างทรงตัวในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หากแต่หุ้นกู้ BBB+ และ BBB มีอัตราผลตอบแทนที่ปรับตัวสูงขึ้นราว 24-32 bps จากสิ้นปี 2566 สะท้อนถึงส่วนชดเชยความเสี่ยง (Credit spread) ที่สูงขึ้นจากการที่ผู้ลงทุนมีความระมัดระวังการลงทุนหุ้นกู้กลุ่มดังกล่าวมากขึ้น

ดร.สมจินต์กล่าวอีกว่า กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund flow) ของนักลงทุนต่างชาติในครึ่งแรกปี 2567 เป็นการขายสุทธิตราสารหนี้ไทยทั้งในไตรมาส 1 และ 2 รวมเป็นมูลค่าการขายสะสมสุทธิตราสารหนี้ไทยจำนวน 66,514 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด ผนวกกับการที่พันธบัตรรัฐบาลของอินเดียได้ถูกรวมในการคำนวณดัชนีตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ของ J.P. Morgan (GBI-EM) ที่จะส่งผลให้ตราสารหนี้ไทยมีสัดส่วนในดัชนีลดลง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2567 นักลงทุนต่างชาติมีการถือครองตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 8.7 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.1% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย อายุคงเหลือของตราสารหนี้ไทยที่ผู้ลงทุนต่างชาติถือครองมีอายุเฉลี่ย 9.0 ปี เพิ่มขึ้นจาก 8.6 ปี เมื่อสิ้นปี 2566

ทั้งนี้ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ได้กล่าวถึงผลสำรวจผู้ร่วมตลาดเกี่ยวกับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2567 พบว่าผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ในปี 2567 โดยมี 43% ที่คาดว่ามีโอกาสที่ กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในรอบเดือนธันวาคมซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี
กำลังโหลดความคิดเห็น