โดย ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด
ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ผ่านมานั้นต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้นะครับ และทำให้ผลประกอบการทั้งปี 2566 อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปี 2565 เสียอีก สาเหตุหลักคงจะมาจากการ Write-off สินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทที่มีการ Write-off ระดับหมื่นล้านนั้นมีอยู่ราวๆ 5-6 บริษัท ยกตัวอย่างเช่น TU, EGCO และ TRUE ซึ่งหากไม่มีส่วนนี้เข้ามาจะทำให้ผลประกอบการทั้งปี 2566 มีอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 2-3%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 นี้ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีขึ้น โดยแกนหลักที่เป็นส่วนช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในปีนี้คือการท่องเที่ยวครับ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ออกมาเปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 49% อยู่ที่ 6.7 ล้านคน โดยอันดับ 1 เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 1.2 ล้านคน เนื่องจากการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการของจีนในปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากมาตรการฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน และหลังจากนี้ภาครัฐคงมีการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตัวแปรที่จะทำให้ Sector โรงแรมและร้านอาหารมีปัจจัยบวก โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่สองที่จะมีวันหยุดยาวอย่างวันสงกรานต์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ Sector อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นห้างสรรพสินค้าและกลุ่มพาณิชย์ก็ได้ปัจจัยเชิงบวกเช่นกัน ในด้านของ Traffic ผู้เข้ามาใช้บริการห้างสรรพสินค้าเพิ่มมากขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น
ทางด้าน Sector โรงไฟฟ้า มีปัจจัยบวกเข้ามาจากการที่ค่าไฟปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรอบก่อนเป็น 4.18 บาท/หน่วย ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน เป็นผลทำให้กลุ่มโรงไฟฟ้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งในรอบถัดไปเราต้องมารอข้อสรุปจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ว่าจะมีการปรับขึ้นในงวดถัดไปหรือไม่ โดย กกพ.จะเปิดรับฟังความเห็นการปรับขึ้นค่าไฟงวดเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคมในช่วงราคา 4.18-5.44 บาท/หน่วยในช่วงเดือนมีนาคมนี้ รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติเอราวัณสามารถกลับมาดำเนินการได้ จึงทำให้ราคา Pool Gas ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าที่อยู่ราว 377 Baht/MMBTU ซึ่งในปีนี้อาจจะลดลงได้ถึง 330 Baht/MMBTU นอกจากนี้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าในไทยนั้นยังคงเติบโตไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นการสนับสนุนเรื่องการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการทบทวนและปรับแผน PDP ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้า จึงจะเป็นผลดีต่อผู้ผลิตไฟฟ้าที่จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตมาตอบสนองความต้องการของตลาดได้
กล่าวโดยสรุป ผมมองว่าผลประกอบการในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้นในปี 2567 โดยมีกลไกต่างๆ เป็นส่วนร่วมในการสนับสนุนและเสริมสร้างสถานการณ์ที่ดีขึ้นในตลาดและธุรกิจต่างๆ ได้ครับ