xs
xsm
sm
md
lg

BKI ตั้งเป้าเบี้ยทะลุ3.2หมื่นล้าน ชี้EVแข่งดุเบี้ยประกันต่ำเกินจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงเทพประกันภัย โชว์กำไรนิวไฮกว่า 2.5 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 76 ปี ตั้งเป้าปีหน้าเบี้ยรับรวมโต 8% ทะลุ 3.2 หมื่นล้านบาท แต่ห่วงเศรษฐกิจเปราะบาง ต้องรอดูนโยบายภาครัฐ ระบุการงทุนผันผวน หันเพิ่มน้ำเงินฝาก รอจังหวะลงทุนรอบใหม่ ชี้  EV แข่งดุเบี้ยประกันต่ำเกินมาตรฐาน

นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ เบี้ยรับรวม และ กำไรจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 21,982 ล้านบาท เติบโต 12.5% และ มีกำไร 2,546 ล้านบาท โดยกำไรระกับดังกล่าวถือว่าทำสถิติสูงสุดตั้งแต่บริษัทเปิดดำเนินการมา 76 ปี

สำหรับแผนธุรกิจปีหน้า (2567) บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวม เติบโต 8% หรือ ประมาณ 2,400 ล้านบาท มาอยู่ที่ 32,500 ล้านบาท จากปี 2566 ที่คาดเบี้ยรับรวมจะทำได้ 30,000 ล้านบาท และ มีกำไรมากกว่า 3,000 ล้านบาท

"ปี 67 ยังมีความไม่แน่นอน และคอนข้างเปราะบางทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศ ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางดอกเบี้ย ทิศทางเงินเฟ้อ การลงทุนของภาครัฐ เพราะที่ผ่านมาโครงการลงทุนของภาครัฐมีการเลื่อนออกไป ถ้าเราโตได้ 8% ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ในสภาวะที่จีดีพีไทยโต 3.7-3.8% จากปีนี้ 2.4-2.5%" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับพอร์ตลงทุนในสภาวะที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง เงินทุนไหลออกต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีการขายหุ้นใน SET ออกไปบางส่วนเพื่อทำกำไร และ ปรับพอร์ตด้วยการย้ายเงินฝากไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ เพื่อสอดรับกับทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ปีนี้คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5-3% ส่วนปี 2567 คาดจะใกล้เคียงจากปีนี้ เนื่องจากสภาวะตลาดหุ้นยังมีความผันผวน และ มีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก

"กลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การขายหุ้นที่มีกำไรออกไป และ รอจังหวะที่ดีเพื่อเข้าไปซื้อหุ้นอีกรอบ โดยก่อนหน้านี้เราได้โยกเงินฝากประมาณ 3,000 ล้านบาท ไปลงพันธบัตรรัฐบาล เพื่อรับดอกเบี้ยที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้เงินฝากคงเหลือไว้ที่ 6,000 ล้านบาท" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

EV แข่งดุ เบี้ยประกันต่ำเกินมาตรฐาน


นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ภาพร่วมประกันภัยรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีการปรับตังเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา  เนื่องจากความนิยมของคนไทย และการส่งเสริมจากภาครัฐ ทำให้ยอดปีนี้มีรถอีวีจดทะเบียน 100,000 คัน จากเดิมมียอดจดทะเบียนแค่ 10,000 คัน และเชื่อว่าปีหน้าคงจะมีการเติบโตต่อเนื่อง จากการเข้ามาเปิดโรงงานผลิตรถยนต์อีวีในประเทศไทยทำให้แนวโน้มรถยนต์อีวีจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคประกันภัย เกิดการแข่งขันด้านราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์อีวี ส่งผลให้รถยนต์บางประเภทและบางยี่ห้อมีการปรับตัวต่ำกว่าความเป็นจริง และในอนาคตอาจส่งผลให้อัตรา Loss Ratio มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการขาดทุนจากการรับประกันรถประเภทนี้ได้

“หลายบริษัทมองเป็นโอกาสเข้ามาแย่งชิงเค้กก้อนนี้ ซึ่งการแย่งชิงเค้กในตลาดประกันภัยไทยใช้กลไกทางราคา โดยจากข้อมูลตลาดโลกพบว่า เบี้ยประกันรถอีวีในตลาดญี่ปุ่นมีอัตราสูงกว่าเบี้ยประกันรถสันดาป 10-20% และในตลาดอเมริกาสูงถึง 25% แต่ในประเทศไทยเบี้ยรถอีวีจะต่ำกว่าเบี้ยรถสันดาปแล้ว ซึ่งปัจจุบันอัตราความเสียหายหรือเคลมสินไหม (Loss Ratio) ของรถอีวี ทุกบริษัทมองว่าอยู่ได้ เพราะปีแรก ๆ แค่ระดับ 10-15% แต่ผ่านไป 2 ปี กระโดดขึ้นมาเป็น 40% และปีนี้ลอสเรโชเฉลี่ยของตลาดขึ้นไปเกือบ 60% แล้ว แต่ในความเป็นจริงมองว่า ถ้าเบี้ยที่แข่งกันในราคาที่ต่ำ ลอสเรโชไปถึงระดับ 75-80% จะอยู่รอดไม่ได้ เพราะไม่มีกำไรแล้ว เพราะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นอีก 18%” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น