อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 1.02 หมื่นล้านบาทหลังควบเอ็ทน่า ดันพอร์ตสุขภาพโตมาร์เกตแชร์พุ่งติดอันดับ 8 ย้ำก้าวทีละก้าวหวังขึ้นท็อปไฟว์ และยังไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการเพิ่ม
มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย เปิดเผยว่า สำหรับปี 2566 นี้ถือเป็นปีที่อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งพร้อมสร้างการเติบโต ตั้งเป้าสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 1.02 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งจากประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพหลังจากบริษัททำการควบรวมเอ็ทน่า (ประเทศไทย) ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทส่วนแบ่งการตลาดของประกันภัยวินาศภัยขยับขึ้นเป็นอันดับ 8
“การขยายธุรกิจประกันสุขภาพ หลังจากได้พอร์ตจากทางเอ็ทน่าเข้ามาเสริมทัพ พร้อมด้วยแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ความมั่นคงด้านการเงิน และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจทั้งวินาศภัยและสุขภาพ จะทำให้เรามีการเติบโตที่ดีขึ้น แต่คงจะต้องเติบโตไปทีละขั้นเพราะเราก็ต้องการที่จะขยับไปอยู่ท็อป 5 ของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยเหมือนกัน ส่วนการเข้าซื้อกิจการหรือขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นตอนนี้เรายังไม่มีแผนและยังคงโฟกัสเรื่องการขยายงานในส่วนของสุขภาพก่อน”
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้วซึ่งเพิ่งผ่านพ้นช่วงโควิดไป อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือความขัดแย้งระหว่างประเทศซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและเบี้ยประกันภัยได้ นอกจากนี้ ปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และยุโรปยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอยู่ ซึ่งถ้ามีการชะลอตัวเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน
มร.ลาร์สกล่าวอีกว่า การดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรวมเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวม 6.7 พันล้าน เติบโตอยู่ที่ 17% ในขณะที่ตลาดประกันวินาศภัยเติบโตเพียงแค่ 3.6% โดยจากเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมด มาจากช่องทางธนาคารและพันธมิตร (FI & Partnership) 3.1 พันล้านบาท เติบโต 28% และช่องทางตัวแทนและโบรกเกอร์ (Agency & Broker) 2.5 พันล้านบาท เติบโต 14% และลูกค้าองค์กร (Corporate) 1.1 พันล้านบาท
สำหรับสัดส่วนเบี้ยประกันภัยแยกตามธุรกิจประกอบด้วยเบี้ยประกันภัยที่มาจากรถยนต์ และที่ไม่ใช่รถยนต์ อย่างละครึ่ง โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 3.3 พันล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 3.4 พันล้านบาท ในขณะที่ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์กว่า 1.07 หมื่นล้านบาท มีเงินกองทุนสำรอง (Risk-based capital) ถึงกว่า 365% สูงกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดถึง 225% (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565)
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จะมุ่งสร้างองค์กรสู่การเติบโตภายใต้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ อลิอันซ์ อยุธยา ทั้งประกันภัยรถยนต์และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ รวมทั้งประกันสุขภาพ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
(1) Growth Engine มุ่งผลักดันการเติบโตผ่านช่องทางการขายที่หลากหลาย ให้กับลูกค้าทั้งรายเดี่ยว SME และลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าขยายธุรกิจทั่วประเทศผ่านช่องทางตัวแทนและโบรกเกอร์ (Agency & Broker) พัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีเครื่องมือการขายที่ง่าย รวดเร็ว เอื้ออำนวยต่อการปิดการขายที่มีประสิทธิภาพ ช่องทางพันธมิตร (FI & Partnership) เน้นการขยายความร่วมมือและมอบโซลูชันที่ปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ให้กับสถาบันการเงิน ธนาคาร และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ต่างๆ ช่องทางขายตรงสำหรับประกันสุขภาพ (Direct to Customer) เน้นการขายประกันสุขภาพผ่านเครือข่ายและทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจทีมช่องทางธุรกิจ (Commercial Business) เน้นให้ความคุ้มครองลูกค้ารายใหญ่ ผ่านความเชี่ยวชาญของกลุ่มอลิอันซ์ในด้านการพิจารณารับประกัน ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก รวมทั้งความมั่นคงแข็งแกร่งของกลุ่มอลิอันซ์
(2) Business Platform มุ่งยกระดับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เน้นการพัฒนาบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อยกระดับความพึงพอใจ โดยในปีที่ผ่านมาเราได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าในระดับที่ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์ในระดับสูงมาก คะแนนสูงกว่าค่ามาตรฐานตลาดสองเท่า อีกทั้งยังมุ่งเดินหน้าร่วมมือกันพัฒนาบริการ ไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อมรถยนต์และบริษัทสำรวจภัย ซึ่งเป็นด่านหน้าในการให้บริการลูกค้า อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเสริมความสะดวกให้ลูกค้าผ่านระบบการเคลมด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะสามารถอนุมัติการเคลมได้จบกระบวนการใน 3 นาที ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่รวดเร็วและเพิ่มความพอใจในภาพรวม
(3) Future Positioning สร้างอนาคตสู่ความแข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยการให้ความสำคัญต่อวัฒนธรรมองค์กร ความผูกพันของพนักงาน โดยที่ผ่านมาคะแนนความผูกพันของพนักงานพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 และเราอยากผลักดันให้อลิอันซ์ อยุธยา เป็นนายจ้างที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด นอกจากนั้น เรายังมุ่งใส่ใจการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน สร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของพนักงานในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและดูแลสังคม