คาดธุรกิจประกันชีวิตปี 66 โต 0-2% หลังปีที่ผ่านมาติดลบเล็กน้อย เชื่อเศรษฐกิจฟื้น-คนไทยใส่ใจสุขภาพและสังคมสูงวัยช่วยหนุน จ่อพัฒนาแบบประกันตอบโจทย์คนไทยมากขึ้นทั้งเรื่องสุขภาพและผลตอบแทน
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย (TLAA) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะทรงตัว โดยจะมีเบี้ยรับรวมที่ประมาณ 612,500-623,500 ล้านบาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ระหว่าง 0-2% ส่วนอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์อยู่ที่ร้อยละ 81-82 โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 2.3-2.7%
“ปัจจัยหนุนในปีนี้คือสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ ประชาชนตระหนัก และมีความเข้าใจ
ต่อการประกันมากขึ้นตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมาทำให้แบบประกันสุขภาพเติบโตถึง 14% ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้การเข้าถึงประกันชีวิตง่ายและสะดวกรวดเร็วมากขึ้นการพัฒนาองค์ความรู้ความเข้าใจ
และมาตรการเฝ้าระวังภัยต่างๆ ให้ประชาชนอย่างต่อเนื่องก็เป็นส่วนสำคัญให้เบี้ยประกันภัยรวมต่อจีดีพีกลับมาที่ 3.8% เหมือนก่อนช่วงโควิดได้” นายสาระกล่าว
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจของโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย แต่ที่ผ่านมาภาคธุรกิจได้เตรียมความพร้อมในการปรับพอร์ตทั้งในส่วนของการลงทุนและ Product Mix และทิศทางกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทประกันชีวิตที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์อย่างทันท่วงที รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรฐานกฎหมายสากลอีกด้วย
นายสาระกล่าวอีกว่า ในปีนี้สมาคมฯ ได้มีแผนการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือต่อปัจจัยท้าทายรอบด้าน เช่น การส่งเสริมให้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ ผลักดันกระบวนการให้ความเห็นชอบผลิตภัณฑ์แบบอัตโนมัติ รวมถึงการผ่อนคลายการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม สนับสนุนการพัฒนากระบวนการขายให้ครบทุกช่องทาง สนับสนุนเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการสร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชนถึงการป้องกันและรู้เท่าทันเทคโนโลยี เป็นต้น
ในส่วนของเทรนด์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในปีนี้ แบบประกันที่จะได้รับความนิยมและมีศักยภาพเติบโตสูง คือ ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง เนื่องจากมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และมีการบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทั้งระบบออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ Unit Linked เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นภายใต้ระดับความเสี่ยงที่พอรับได้ รวมถึงได้รับความคุ้มครองจากการประกันชีวิตรวมอยู่ด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทยในปี 2565 ที่ผ่านมามีเบี้ยประกันภัยรับรวม 611,374 ล้านบาท เติบโตลดลง 0.45% ต่ำกว่าเป้าหมายที่เคยได้ตั้งเป้าไว้ที่ 0-2% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 169,878 ล้านบาท ลดลง 0.49% โดยแบ่งเป็น เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 105,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.42% เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว 64,686 ล้านบาท ลดลง 14.27% และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 441,496 ล้านบาท ลดลง 0.43% โดยมีอัตราความคงอยุ่ของกรมธรรม์ร้อยละ 82
ในส่วนของเบี้ยประกันภัยรับรวมแบ่งตามช่องทางการจัดจำหน่าย แบ่งเป็น ช่องทางการขายผ่านตัวแทน 325,227 ล้านบาท เติบโต 1.43% คิดเป็นสัดส่วน 53.20% ช่องทางการขายผ่านธนาคาร 235,788 ล้านบาท เติบโตลดลง 3.39% คิดเป็นสัดส่วน 38.57% ช่องทางนายหน้า 26,516 ล้านบาท เติบโต 8.63% คิดเป็นสัดส่วน 4.34% ช่องทางขายตรง 13,981 ล้านบาท เติบโตลดลง 2.04% คิดเป็นสัดส่วน 2.29% ช่องทางดิจิทัล 1,738 ล้านบาท เติบโต 29.11% คิดเป็นสัดส่วน 0.28% และช่องทางอื่นๆ 8,124 ล้านบาท เติบโตลดลง 13.44% คิดเป็นสัดส่วน 1.33%