xs
xsm
sm
md
lg

อะไรกำลังรอเราอยู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดย ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์
ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด

สถานการณ์การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนรวมถึงผู้คนทั่วโลกนั้นต่างให้ความสำคัญและเฝ้ารอพัฒนาการเชิงบวกอย่างใกล้ชิด เราไม่อาจปฏิเสธถึงผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงในช่วงที่ผ่านมา ภายในระยะจากการหยุดชะงักจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการปิดเมือง

คำถามที่ทุกคนต่างสนใจนั้นคือ หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นแล้วการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปได้ช้าหรือเร็วแค่ไหน การที่เราจะรู้ได้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปในรูปแบบไหนนั้น เราอาจจะเริ่มได้จากการตอบคำถามที่ว่า วิกฤตครั้งนี้มีความรุนแรงแค่ไหน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างไร และจะใช้ระยะเวลายาวนานแค่ไหน

ในด้านของความรุนแรงของวิกฤตครั้งนี้นั้นเราคงได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการเแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้สร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจโลก ที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่ผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ dy[จีน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นั้นทำให้ภาคการผลิตต้องหยุดชะงักลง ซึ่งมีผลมาจากมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและได้ส่งผลให้ภาคการบริโภคนั้นหดตัวลงตามจากการว่างงานที่สูงขึ้น รวมถึงบางกิจการในสายการผลิตที่ต้องปิดตัวลงไป ผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ต่อสภาวะเศรษฐกิจสะท้อนในดัชนี Global PMI ที่มักจะถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้วัดนำถึงสภาวะเศรษฐกิจของภาคการผลิตและบริการได้ปรับตัวลดต่ำกว่า 50 มาตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยดัชนี PMI ที่ระดับต่ำกว่า 50 นั้นสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยและจะสะท้อนไปยัง GDP ที่จะหดตัวลง

ในปัจจุบันโลกและธุรกิจมีการเชื่อมต่อเข้าถึงกันมากขึ้นจากโลกาภิวัตน์ ภาคการผลิตมีความซับซ้อนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ส่วนประกอบของรถยนต์หนึ่งคันมักจะมีที่มาจากหลายประเทศ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เริ่มจากในประเทศจีนนั้นส่งผลให้เกิด Supply chain disruption ไม่แค่เฉพาะภายในประเทศจีนเท่านั้น แต่ส่งผลให้กระบวนการผลิตทั่วโลกต้องชะลอตัวลงตามไป นอกจากภาคการผลิตแล้ว ภาคการบริการอย่างการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ

ประเด็นสุดท้ายที่น่าจะตอบได้ยากที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของระยะเวลาว่าวิกฤตครั้งนี้จะใช้เวลายาวนานแค่ไหนกว่าที่เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว ในช่วงแรกเราอาจจะได้เห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ผมคิดว่าเราคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปีในการที่เศรษฐกิจจะสามารถกลับไปในระดับก่อนหน้า

หลายธุรกิจอาจจะต้องปิดตัวลงอย่างถาวร การคงไว้ซึ่งมาตรการป้องกันอย่าง Social Distancing และในส่วนของนโยบายจากภาครัฐ และธนาคารกลางนั้นมุ่งเน้นไปที่การอยู่รอดของระบบเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต นอกจากนี้แล้ว ความเสี่ยงจากการระบาดรอบที่ 2 ก็ยังคงมีอยู่หากเรายังไม่สามารถหาวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคได้

สำหรับในแง่ของการลงทุนธุรกิจที่มีพื้นฐานที่ดีรวมไปถึงงบดุลที่แข็งแรงมักจะอยู่รอดท่ามกลางวิกฤต แม้ว่าผลประกอบการในระยะสั้นนั้นอาจจะได้รับผลกระทบในเชิงลบไปบ้าง แต่อย่างไรแล้วการฟื้นตัวของธุรกิจแต่ละประเภทก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกลงทุนเช่นกันครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น