ฉัตรแพร ตรีเทพวิไล
นักลงทุนคงพอใจกับผลการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศสำหรับช่วงที่ผ่านของปีนี้ และอาจตั้งคำถามว่า แล้วปีหน้ายังควรลงทุนในตราสารหนี้ต่อดีหรือไม่ เพื่อจะได้เตรียมวางแผนการลงทุน เราควรทบทวนสาเหตุที่ทำให้ตราสารหนี้มีผลตอบแทนดีในปีนี้ แต่ให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีในปีที่แล้ว และพิจารณาปัจจัยและแนวโน้มในระดับมหภาค เพื่อนำมาประเมินภาพการลงทุนในปีหน้า
*คำนวณผลตอบแทนถึงวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2562
หมายเหตุ : ข้อมูลจาก Bloomberg ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก (JP Morgan Global Government Bond Hedged USD), ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (US iBoxx USD Treasuries Total Return Index ), ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลตลาดเกิดใหม่ (JP Morgan Emerging Sovereign USD) , ดัชนีหุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูงของสหรัฐอเมริกา (US iBoxx Liquid Investment Grade Index), ดัชนีหุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูงของสหรัฐอเมริกา (US iBoxx High Yield Index), และ ดัชนีตราสารหนี้แปลงสภาพจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย (JP Morgan MBS Bond Index)
เริ่มต้นจากผลตอบแทนของตราสารหนี้ พบว่า ปี พ.ศ. 2562 ตราสารหนี้ต่างประเทศแต่ละประเภท ให้ผลตอบแทนดีกว่าปี พ.ศ.2561 เนื่องจาก ปีนี้ธนาคารกลางสำคัญๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ FED ได้ลดดอกเบี้ยลงถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% และประกอบกับความกังวลของตลาดเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) และความไม่แน่นอนเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทำให้ตลาดลดการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงและเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตราสารหนี้มากขึ้น ตรงข้ามกับในปี พ.ศ.2561 ที่ FED ได้ปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ โดยขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ประเภทอื่นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายถึง มูลค่าตราสารหนี้ทุกประเภท ปรับตัวลดลงอย่างมาก
จากความต้องการนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี พ.ศ.2563 จึงยังเป็นปัจจัยบวกต่อตราสารหนี้
นอกจากนี้ปีหน้าจะยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุน อาทิเช่น การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐในเฟสต่อๆไป และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างไรก็ตามผลตอบแทนตราสารหนี้ปีหน้าซึ่ง FED รวมถึงธนาคารกลางส่วนใหญ่ ไม่น่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก อาจจะไม่ดีเหมือนปีนี้ แต่ก็ไม่น่าจะแย่เหมือนอย่างปี พ.ศ. 2561
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าในสภาวะเศรษฐกิจใด นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท แม้ว่าปีหน้าตราสารหนี้อาจจะไม่โดดเด่นเท่ากับปีนี้ แต่นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ ที่จะทำให้ความผันผวนของอัตราผลตอบแทนรวมลดลง สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศในปีหน้า เรามองว่าควรหาตราสารหนี้เครดิตที่ให้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (Spread) สูง และมีอายุเฉลี่ย (Duration) ค่อนข้างสั้น กลุ่มตราสารหนี้ที่น่าสนใจ ได้แก่ ตราสารหนี้เอเชียที่มี Duration น้อย หุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ที่ออกโดยบริษัทที่มีคุณภาพดี ตราสารแปลงสภาพจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ออกโดยเอกชน หรือ การจัดพอร์ตการลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ผสมผสาน เช่น ขายพันธบัตรรัฐบาลล่วงหน้าและลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงด้านเครดิต ในราคาที่เหมาะสม ให้ได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม โดยมี Duration น้อย เพื่อลดผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น เมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะกล้าเสี่ยง (risk-on mode)