บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ขอแจ้งประกาศจ่ายเงินปันผลกองทุนภายใต้การจัดการรวมทั้งสิ้น 3 กองทุน มีกำหนดปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 9 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 23 มิถุนายน 2560 รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นราว 15 ล้านบาท ซึ่งทั้งสามกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมหุ้นไทย ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นไทยได้ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลสม่ำเสมอ
ภาพรวมตลาดเดือนพฤษภาคม 2560 เป็นการปรับตัวลงในช่วงกลางเดือน และฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงก่อนสิ้นเดือน โดยรวมข่าวที่เข้ามากระทบการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นจะมีผลเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น โดยในช่วงต้นเดือนดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,560-1,570 จุด หลังการชนะเลือกตั้งของ Macron ในการเลือกตั้ง ปธน. ฝรั่งเศสรอบสุดท้ายก่อนที่ SET จะถูกแรงขายกดดันลงมาในช่วงกลางเดือนมาอยู่ที่แนวรับ 1,530-1,540 จุด โดยมิได้มีข่าวด้านการลงทุน หรือการเมืองใดที่เข้ามาสร้างแรงกดดันอย่างชัดเจนต่อภาวะการลงทุน แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นอื่นทั่วโลกถูกกดดันจากความกังวลด้านปัญหาการเมืองภายในสหรัฐฯ ในกรณีที่ทรัมป์เข้าแทรกแซงการทำงานของ FBI ต่อการสอบสวนด้านความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทรัมป์กับรัสเซีย ซึ่งเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงกลางเดือน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยมิได้ปรับตัวลงมากนัก เนื่องจากปรับตัวลงมาก่อนหน้าแล้ว และไม่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบดังกล่าวมากนัก โดย SET ฟื้นตัวในระยะถัดมาสู่ระดับใกล้ 1,570 จุด
แนวโน้มตลาดเดือนมิถุนายน 2560
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นได้ในกรอบที่ 1,577 และ 1,585 จุด เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจน รวมถึงแรงซื้อฝั่งนักลงทุนสถาบัน และต่างชาติเริ่มชะลอตัว รวมถึงในเดือนนี้ให้ระวังปัจจัยกดดัน จาก 1) ด้านการเมืองต่างประเทศ โดยอังกฤษจะจัดเลือกตั้งวันที่ 8 มิ.ย. 60 ซึ่งล่าสุดคะแนนความนิยมของพรรคอนุรักษนิยมของนางเทเรซา เมย์ มีคะแนนลดลงสวนทางกับพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน สร้างความยากลำบากสำหรับเสียงสนับสนุนต่อกระบวนการ Brexit รวมถึงการเมืองสหรัฐฯ หลังทรัมป์จะถูกสอบสวนจาก FBI ซึ่งอาจจะกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ 2) ระวัง Fund flow ต่างชาติไหลออก จากประเด็นประชุมธนาคารกลางของทั้ง ECB (8 มิ.ย.) และ Fed (รู้ผลช่วงดึกคืนวันที่ 14 มิ.ย. 60) โดย ECB ให้ระวังการส่งสัญญาณปรับลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หลังแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่ Fed คาดจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งนี้ รวมถึงติดตามแนวทางในการปรับลดสินทรัพย์ในงบดุลซึ่งคาดจะเกิดขึ้นปลายปีนี้
ส่วนการประชุม BoJ (15-16 มิ.ย. 60) คาดว่ายังคงนโยบายการเงิน ทำให้ไม่มีนัยต่อการเคลื่อนไหวของตลาด ส่วนประเด็นอื่นๆ ติดตามการประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออก (คาดประกาศวันที่ 16 มิ.ย. 60) ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศโครงการปฏิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงิน เพื่อเพิ่มความสะดวกและความคล่องตัวในการบริหารความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนได้ ส่งผลดีต่อผลกำไรในระยะยาว