บลจ.กรุงไทยเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสานหนี้ IMF 118 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในต่างประเทศ ผลตอบแทนประมาณ 1.54% ต่อปี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศมีลักษณะแบบ Twist โดยอัตราผลตอบแทนระยะสั้น และอายุ 7 ปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 118 (KTFF118) อายุ 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2559 เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ First Gulf Bank PJSC, PT Bank Rakyat Indonesia (Persero), Commercial Bank of Qatar, Union Nation Bank PJSC และ Qatar Nation Bank ผลตอบแทนประมาณ 1.54% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 2 (KTFIX3M2) เสนอขายถึงวันที่ 21 ตุลาคม 2559 เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยทั้ง 100% อายุ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 1.10% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศมีลักษณะแบบ Twist โดยอัตราผลตอบแทนระยะสั้น และอายุ 7 ปีขึ้นไป มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนอายุ 1-6 ปี ปรับตัวลดลง โดยสัปดาห์ก่อนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท อัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปี ลดลง 0.01% อยู่ที่ 1.56% อายุ 5 ปี ลดลง 0.02% อยู่ที่ 1.83% และอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.23% ลดลง 0.02% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมยังดีต่อเนื่อง ทำให้ตลาดยังคาดถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปี โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปีนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 0.83% อายุ 5 ปี เพิ่มขึ้น0.03% อยู่ที่ 1.29% และอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.07% อยู่ที่ 1.80%
ปัจจัยในเชิงลบจากต่างประเทศ ความกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย การอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบ การอ่อนค่าของเงินบาท ทั้งนี้มองว่าปัจจัยพื้นฐานในประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวจากภาวะภัยแล้ง ช่วยทำให้รายได้เกษตรกรปรับตัวดีขึ้นอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐก็จะเป็นปัจจัยที่สำคัญ หลายโครงการจะมีการประมูลเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และเม็ดเงินลงทุนน่าจะไหลเข้าสู่ระบบในปีหน้า รวมถึงการเมืองที่มีเสถียรภาพและจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำก็น่าจะเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกด้วย ดังนั้น ในช่วงเวลานี้นักลงทุนสามารถพิจารณา และทยอยลงทุนในกองทุน RMF/LTF ได้