xs
xsm
sm
md
lg

ปรับพอร์ตให้ทันตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้โดยรวมดัชนีมีการย่อตัวลงและมีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีประมาณ 1 แสนล้านบาท จากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทย นับว่าปรับตัวขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้แรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้เป็นลักษณะของการปรับพอร์ตเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ หากพิจารณาถึง Dollar Index ที่มีทิศทางทรงตัวถึงอ่อนค่าลง สะท้อนได้ว่าตลาดยังคงคาดหวังว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ จะยังไม่เกิดขึ้นในปีนี้ และกดดันให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อไป

จากข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ได้ว่า ปัจจัยบวกที่ยังเห็นได้อย่างชัดเจนคือเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดภูมิภาคและตลาดหุ้นเอเชียยังคงมีอยู่ เพียงแต่ในระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการพักความร้อนแรงลงบ้าง แต่ในสภาวะที่สภาพคล่องทั่วโลกอยู่ในระดับสูงและอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เริ่มมีการคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,600 จุดในช่วง 1-2 เดือนนี้ โดยเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ลักษณะของเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งโครงการลงทุนของภาครัฐหลังร่างรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบจากประชาชน ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสำหรับไตรมาส 2 ที่ประกาศออกมาก็มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่านักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการผลตอบแทนของบริษัทจดทะเบียนของตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง

ภาพการลงทุนในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยพักความร้อนแรง ประกอบกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ มากขึ้น ในแง่คำแนะนำการลงทุน ผมแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก Conservative มาสู่ระดับ Optimal โดยลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศลงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น ความคืบหน้าการเจรจาหลังเหตุการณ์ BREXIT การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในช่วงเดือน พ.ย. ซึ่งทั้งสองปัจจัยดังกล่าวจะเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ลงทุนยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะจะส่งผลดีต่อทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนในตลาดภูมิภาคเอเชียและไทย

ในส่วนของตัวอย่างการจัดพอร์ต Asset Allocation ผมขอยกตัวอย่างกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณเป็นแนวทางในการปรับพอร์ต โดยผู้ลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมและความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละท่าน ดังนี้ หุ้นไทยประมาณ 51% ตราสารหนี้ในประเทศประมาณ 30% และสินทรัพย์ทางเลือก แบ่งเป็น ลงทุนในทองคำประมาณ 10% น้ำมันประมาณ 5% และเงินสดหรือลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินประมาณ 4% ของพอร์ตการลงทุน โดย บลจ.วรรณมองว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ราคาทองคำปรับตัวขึ้นโดดเด่น ขณะที่ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนในระยะถัดไป โดยราคาน้ำมันดิบยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสหรัฐฯ รวมถึงสมาชิกกลุ่มโอเปก

คุณมณฑล จุนชยะ
ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ
monthol.j@one-asset.com
กำลังโหลดความคิดเห็น