เมืองไทยประกันชีวิตโชว์ผลดำเนินงาน 4 เดือนปี 59 โตแซงอุตสาหกรรม กวาดเบี้ยรวม 3.4 หมื่นล้านบาท ดันส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 18.6% มากกว่าปีที่ผ่านมา เชื่อสังคมดิจิตอลเป็นโอกาสการปรับตัวธุรกิจ พร้อมเดินหน้าพัฒนาสินค้าหวังตอบโจทย์ลูกค้าช่วงดอกเบี้ยต่ำ
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย. 2559) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 34,157 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 12% เทียบกับอุตสาหกรรมที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมประมาณ 6%โดยเมืองไทยประกันชีวิตมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 18.6% ขยายตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 17.6%
“การเติบโตที่น่าพอใจดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบาย “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมผ่านช่องทางที่สะดวกและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและส่งผลให้ผลงานการขายมีการเติบโตที่ดี เห็นได้จากอัตราเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่ออายุที่สามารถเติบโตได้สูงกว่า 28% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวมที่เติบโตเพียง 8% ขณะเดียวกันเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ เมืองไทยประกันชีวิตก็ยังสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 เช่นเดิม” นายสาระกล่าว
นอกจากนี้ เมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญต่อการบริหารพอร์ตอย่างมืออาชีพเพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงแข็งแกร่ง และเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 318,979 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% จากสิ้นปี 2558 โดยมีเงินกองทุน 87,067 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมายถึง 512% ทั้งนี้ จัดอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 140% อยู่มาก
นายสาระกล่าวอีกว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคกับสังคมดิจิตอลที่มีการเชื่อมต่อและติดต่อสื่อสารที่สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้นนั้น บริษัทถือเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายอย่างยิ่งต่อการปรับตัวของธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาเมืองไทยประกันชีวิตได้เร่งปรับตัวในมิติต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสื่อสารกับลูกค้าผ่านสังคมออนไลน์รูปแบบต่างๆ การเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน Line Pay การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ของตนเองได้ตลอดเวลา เป็นต้น
ส่วนมิติการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ ได้นำเสนอแบบประกันชีวิตที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งความคุ้มครองชีวิตเพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงให้แก่ครอบครัว การออมเงินระยะยาวที่สร้างวินัยทางการเงินที่ดี รวมถึงในภาวะปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เมืองไทยประกันชีวิตก็ได้พัฒนาแบบประกันชีวิตควบคู่การลงทุนออกมาเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้เอาประกันที่มองหาโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากรมธรรม์แบบสามัญทั่วไป เช่น เมืองไทยยูนิตลิงค์ 1 รวมถึงเมืองไทย ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ 1 และเมืองไทย ยูแอล 1 เป็นต้น
“เมืองไทยประกันชีวิตยังคงเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับความมั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน” นายสาระกล่าว
