ภาพรวมการลงทุนในขณะนี้โลกยังคงเผชิญความผันผวนของตลาดการเงิน รวมทั้งความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ และอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ จากนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการซื้อคืนตราสารหนี้และสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือการลดค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เป็นต้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่นักลงทุนจะหาผลตอบแทนที่สูงพร้อมกับการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นโจทย์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในทุกวันนี้
การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นขนาดเล็กถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ดีขึ้น ซึ่งในบางครั้งหุ้นขนาดเล็กก็สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นในช่วงที่ตลาดมีอัตราการขยายตัวต่ำหรือไม่เอื้อต่อการลงทุนมากนัก จากข้อมูลในอดีต หุ้น small cap ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดใหญ่สำหรับระยะเวลาการลงทุนระยะยาว ถึงแม้ว่ามุมมองการวิเคราะห์การลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดเล็กจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากการลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ โดยนักวิเคราะห์ต้องมองไปถึงความสามารถในการทำกำไร ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด คุณภาพของผู้บริหาร ฯลฯ เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากมูลค่าของบริษัทที่มียังไม่สูงมากนัก บริษัทขนาดเล็กจึงมีโอกาสที่จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่าบริษัทขนาดใหญ่ เช่น ถ้าบริษัทขนาดเล็กมียอดขายเพิ่มจาก 10 ล้าน เป็น 100 ล้าน หมายถึงว่าบริษัทนั้นมีอัตราการเติบโตของยอดขายสูงถึง 1,000% แต่ในขณะเดียวกันถ้าเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มียอดขาย 1,000 ล้าน บริษัทนั้นจะต้องเพิ่มยอดขายเป็น 10,000 ล้าน ถึงจะเติบโตได้ในอัตราเดียวกัน
ในปัจจุบันการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กมักไม่เป็นที่สนใจแก่นักลงทุนทั่วไป ประกอบกับข้อมูลต่างๆ ในตลาดทุนของหุ้นขนาดเล็กจำนวนมากอาจถูกละเลย และยังไม่ได้มีการออกบทวิเคราะห์ หรือราคาหลักทรัพย์ไม่สามารถสะท้อนถึงพื้นฐานทางการเงินของบริษัทได้ทั้งหมด ทำให้นักลงทุนไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการพิจารณาลงทุน ดังนั้นจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์หลักทรัพย์เชิงลึกของผู้จัดการกองทุนเพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่าดัชนีอ้างอิงได้ แต่ทั้งนี้ การที่จะค้นพบหุ้นขนาดเล็กที่น่าลงทุนต้องมาจากการทำการบ้านอย่างดีของผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์ที่ต้องรวบรวม กลั่นกรอง และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโตดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดของนักลงทุนบางท่านที่ลงทุนด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงนั้นย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสภาพคล่องในการซื้อขายในตลาดที่มีปริมาณน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และความผันผวนของราคาหุ้น
สำหรับนักลงทุนบางท่านที่ต้องการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเพื่อกระจายความเสี่ยงก็อาจลงทุนผ่านบริษัทจัดการก็ได้เช่นกัน โดย บลจ.ไทยพาณิชย์ ก็มีโอกาสได้นำเสนอกองทุนประเภทนี้เพื่อเป็นทางเลือกในช่วงสภาวะตลาดเช่นนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอสสมอลแคป (SCB US Small Cap Equity Fund) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรปสมอลแคป (SCB European Small Cap Equity Fund) ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูง มีความคุ้นเคยกับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศอยู่แล้ว และต้องการหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมจากตลาดหุ้นทั่วไป และต้องการหาผลตอบแทนในระยะยาวโดยมองข้ามความผันผวนในระยะสั้นไป
อย่างไรก็ตาม การลงทุนประเภทใดก็แล้วแต่ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนแต่ละกองทุนด้วยนะครับ
โดย ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย
กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด