บลจ.กสิกรไทยชี้อสังหาริมทรัพย์ทำยิลด์สม่ำเสมอ แม้ตลาดหุ้นผันผวน ดอกเบี้ยต่ำ ส่งกองทุนน้องใหม่ (K-PROP) เปิดขายตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พ.ค.นี้ ลุยกองอสังหาฯ-รีทส์ ประเดิมลงทุน 2 ตลาดทั้งไทย-ลอดช่อง มั่นใจราคาน่าสน ปัจจัยพื้นฐานดี
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) ในระหว่างวันที่ 24-30 พฤษภาคม 2559 โดยกองทุนนี้จะลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารในหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector) ของไทยและสิงคโปร์ เช่น หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79%
ทั้งนี้ คาดว่าในเบื้องต้นจะลงทุนภายในประเทศประมาณ 50% และลงทุนใน REITs ของสิงคโปร์ประมาณ 50% อย่างไรก็ตาม สำหรับนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุนจะเป็นไปตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
“การลงทุนในกองทุนอสังหาฯ และกอง REITs ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ที่ราคายังอยู่ในระดับน่าสนใจ ขณะที่ราคากองอสังหาริมทรัพย์และ REITs ของไทยแม้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้า แต่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยคาดว่าสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอและค่าเช่ายังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ที่น่าสนใจ เช่น กองอสังหาฯ และกอง REITs ที่เกี่ยวข้องกับการค้าปลีกหรือห้างสรรพสินค้าทั้งในไทยและสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังมีรายได้จากค่าเช่าที่สม่ำเสมอ แม้ในสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ยังชะลอตัว” นางสาวธิดาศิริกล่าว
นางสาวธิดาศิริกล่าวอีกว่า ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยทั้งกองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs มีมูลค่าตลาดรวมกันถึง 3.84 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.86% ของมูลค่าทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าการเติบโตถึงกว่า 50% สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอุปสงค์และอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2011-2015) กองทุนประเภทนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ยสูงถึง 12.84% ต่อปี ในขณะที่ปัจจุบันผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนอสังหาฯ และกองทุน REITs ของไทยยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมาณ 5-6% ซึ่งมาจากผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากเงินปันผลเป็นหลัก
ส่วนธุรกิจทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือ REITs ในประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่ากองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs ในภูมิภาค แม้อยู่ในช่วงที่ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่คาดว่าตลาดมีการรับรู้ไปค่อนข้างมากแล้วพอสมควร อีกทั้งระยะเวลาเช่าของทรัพย์สินที่ยาวนานเฉลี่ยถึง 80 ปี บวกกับการบริหารจัดการที่ดี และที่สำคัญคือมีสภาพคล่องสูงกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับกองทุนอสังหาฯ ในไทย ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังกองทุนอสังหาฯ ทั้งประเทศไทยและสิงคโปร์จึงช่วยให้การจัดพอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น