บมจ.กรุ๊ปลีส ฟุ้งกำไรสุทธิไตรมาส 1/2559 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 222.17 ล้านบาท พุ่งขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 นับตั้งแต่สิ้นปี 2557
นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดเดือนมีนาคมปีนี้ สะท้อนถึงพัฒนาการของธุรกิจในทุกกลุ่มซึ่งรวมถึงธุรกิจหลักของบริษัทแม่ในประเทศไทย และธุรกิจในเครือในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด โดยปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ยอดกำไรพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบด้วย ยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจในกัมพูชา และ สปป.ลาว รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้การตั้งสำรองหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในประเทศไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก ในขณะที่รายได้อื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย การปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้ากลุ่มใหม่ในกัมพูชา ซึ่งเป็นบริษัท SMEs ที่จำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้แก่ลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อของ GL เช่น รถจักรยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซลาร์เซลล์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบันทึกเป็นผลกำไรของบริษัท GL Holdings (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนธุรกิจใหม่ใน สปป.ลาว ก็เริ่มมีกำไรในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ดี ระดับหนี้ NPL ในประเทศไทยปรับลดลงจากมากกว่า 10% เมื่อต้นปีที่แล้ว ลงมาเหลือเพียง 6.5% ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช้าวันที่ 13 พฤษภาคม บริษัทฯ ชี้แจงว่ารายได้จากดอกผลเช่าซื้อในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.47 ล้านบาท เป็น 484.70 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากรายได้ของบริษัทย่อยในกัมพูชา และ สปป.ลาว จำนวน 80.77 ล้านบาท และ 16.04 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รายได้จากดอกผลเช่าซื้อของบริษัทแม่ในประเทศไทย และธนบรรณ ลดลง จำนวน 50.33 ล้านบาท และ 45.01 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ในการมุ่งเน้นขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียที่มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่า และมีอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระดับต่ำ
ในส่วนของรายงานที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่ารายได้อื่นๆ ในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 89.70 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว เป็น 173.49 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 83.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 93.42% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นรายได้ดอกผลจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้ากลุ่มใหม่ในประเทศกัมพูชา ที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs จำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้แก่ลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อของ GL
นอกจากนั้น กำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากยังสะท้อนถึงการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญที่ปรับลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องต่อคุณภาพของสินทรัพย์ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ปรับดีขึ้นตามภาวการณ์ฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ผลขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์รอการขายได้ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 107.10 ล้านบาท เป็น 57.25 ล้านบาท โดยลดลง 49.85 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.54% ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาตลาดรถมอเตอร์ไซค์มือสองปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปริมาณสินทรัพย์รอการขายเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อ นอกจากนี้ บริษัทฯ ย่อยในต่างประเทศมีอัตราการค้างชำระที่ต่ำมากจากคุณภาพหนี้ที่ดี ส่งผลให้ไม่มีผลขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์รอการขาย