xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติพักเงินในบอนด์ไทย ไตรมาส 1 ตลาดตราสารหนี้ไทยโต 2%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เงินต่างชาติไหลเข้าพักในบอนด์ไทยระยะสั้น เผยไตรมาสแรกตลาดตราสารหนี้ไทยโตเพิ่มขึ้น 2% มองโอกาสปรับลดดอกเบี้ยไม่มาก คาดหวังการลงทุนภาครัฐเดินหน้า

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 นักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้น 98,768 ล้านบาท โดยถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นเพิ่มขึ้น 113,941 ล้านบาท และลดการถือครองตราสารหนี้ระยะยาวลง 15,174 ล้านบาท โดยการไหลเข้าของเงินลงทุนต่างชาตนี้ิเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศที่ติดลบ และการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ทำให้ตราสารหนี้ของไทยน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ประเทศอื่น โดยนักลงทุนต่างชาติมองว่าไทยเป็นแหล่งพักเงินที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับประเทศเกิดใหม่อื่นๆ จึงเลือกเข้ามาพักเงินตราสารหนี้ระยะสั้นเฉลี่ยอายุประมาณ 30 วัน

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2559 ตลาดตราสารหนี้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มูลค่าคงค้างของตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้น 2.05% จากสิ้นปีที่แล้วมาอยู่ที่ 10.23 ล้านล้านบาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 97,136 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีที่ผ่านมา

ด้านมูลค่าการระดมทุนของภาคเอกชนที่ขึ้นทะเบียนกับ ThaiBMA ผ่านตลาดตราสารหนี้ในไตรมาส 1 ปี 2559 พบว่า การออกตราสารหนี้ระยะสั้นเพิ่มขึ้นกว่า 46.75% มีมูลค่าการออก 241,417 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตราสารหนี้ระยะยาวมีมูลค่าการออก 127,813 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนอัตราผลตอบแทน (Yield) พันธบัตรรัฐบาล พบว่าในไตรมาส 1 นี้ Yield ของตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลาง (อายุคงเหลือน้อยกว่า 5 ปี) ปรับตัวลดลงในช่วง 12-36 Basis points ในขณะที่ Yield ของตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป) ปรับตัวลงในช่วง 73-89 Basis points เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน โดย Yield 10 ปี ปรับลดลงไปอยู่ที่ 1.53% เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559 ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และยุโรป ประกอบกับแนวโน้มการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และอุปสงค์ของตราสารหนี้ที่ค่อนข้างสูงจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ

สำหรับแนวโน้มของทิศทางอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Yield) ในช่วงที่เหลือของปี 2559 นั้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นมีแนวโน้มทรงตัวตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย โดยมีโอกาสแกว่งตัวลดลงได้เล็กน้อยจากอุปสงค์ที่ค่อนข้างสูงในตลาดตราสารหนี้ ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี มีโอกาสปรับลดลงได้อีกไม่มากเนื่องจากอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำมากเป็นประวัติการณ์

นายธาดา ยังกล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยในปีนี้มองว่าไม่น่าจะปรับลดลงมากขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องภัยแล้งถ้าเริ่มมีฝนตกปัญหาน่าจะหมดไปรวมทั้งการลงทุนของภาครัฐขนาดใหญ่ถ้าเริ่มลงทุนตลาดจะน่าสนใจมากขึ้น ส่วนดอกเบี้ยระยะยาวปัจจุบันอยู่ระดับต่ำมากแล้ว มองว่าเป็นโอกาสดีในการลงทุน

“ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง แม้เศรษฐกิจจะชอชะลอตัวแต่ยังมีเสถียรภาพจากภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจจึงยังดีกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ดังนั้นจึงมองว่าในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำเป็นโอกาสดีในการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ของภาครัฐ”


กำลังโหลดความคิดเห็น