คลัง-คปภ.ลงดาบถอนใบอนุญาตสัญญาประกันภัย ระบุให้โอกาสในการแก้ไขแล้วแต่ยังปรากฏหนี้สินมากกว่าทำให้ฐานะการเงินไม่มั่นคง พร้อมเตรียมมาตรการรองรับผู้บริโภคและลูกค้าจับมือ 31 บริษัทประกันภัยรับโอนกรมธรรม์ที่ยังมีผลผูกพัน ส่วนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อได้ที่ คปภ.ทั้งสำนักงานใหญ่ หรือ คปภ.เขตท่าพระ และ คปภ.เขตบางนา
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ระบุว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีคำสั่งที่ 395/2559 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2559 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ.ได้เตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับมิให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบแล้ว
โดย คปภ.ได้สรุปข้อเท็จจริง ดังนี้
1. บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด นายทะเบียนจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 27/5 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 สั่งให้บริษัทเสนอโครงการเพื่อแก้ไขฐานะเงินกองทุนของบริษัท แต่บริษัทก็ไม่สามารถดำเนินการตามโครงการที่นายทะเบียนได้
2. นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 สั่งให้บริษัทแก้ไขฐานะการเงินและการดำเนินงาน และให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวด้วย โดยนายทะเบียนได้สั่งการให้บริษัทแก้ไขประเด็นปัญหา เช่น จัดหาเงินทุน/การเพิ่มทุนให้เพียงพอต่อภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัยและให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามที่กฎหมายกำหนด จัดให้มีระบบงานและบุคลากรที่มีคุณภาพและจำนวนที่เหมาะสม เพื่อให้บริการประชาชนและผู้เอาประกันภัย ระบบงาน ได้แก่ ความพร้อมในระบบบัญชีการเงิน ระบบการเสนอขายและการพิจารณารับประกันภัย ระบบการจัดการค่าสินไหมทดแทน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบการตรวจสอบ และระบบควบคุมภายในที่เหมาะสม ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มกราคม 2559
3. สำนักงาน คปภ.ได้ให้โอกาสบริษัทในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว แต่บริษัทไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาของบริษัทได้ และยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 จำนวน 13.12 ล้านบาท โดยบริษัทไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ถึงปัจจุบัน บริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องจนไม่สามารถชำระหนี้สินตามสัญญาประกันภัยได้ ผู้บริหารบริษัทกระทำการจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท สำนักงาน คปภ.จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารบริษัทว่ากระทำความผิดตามมาตรา 352 มาตรา 353 และมาตรา 354 แห่งประมวลกฎหมายอาญาต่อพนักงานสอบสวน นอกจากนั้น บริษัทยังดำรงทรัพย์สินจัดสรรตามมาตรา 23 และมาตรา 27/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด โดย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 ขาดไปจำนวน 38.86 ล้านบาท และ 21.59 ล้านบาทตามลำดับ ส่งผลให้บริษัทยังคงมีปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงานอยู่ คณะกรรมการ คปภ.จึงเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทฯ
4. ในระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีหนังสือขอขยายระยะเวลาการแก้ไขปัญหาของบริษัทฯ ซึ่งสำนักงาน คปภ. และคณะกรรมการ คปภ. พิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ โดยละเอียดรอบคอบแล้ว เห็นควรยืนยันความเห็นและไม่อนุญาตให้มีการขยายระยะเวลา เนื่องจากบริษัทฯ มิได้แสดงหลักฐานยืนยันและการแก้ปัญหามิได้มีความคืบหน้า
5. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีฐานะการเงินอันไม่มั่นคง อันอาจเกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน มีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายหลายประการ อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของบริษัทได้ภายในระยะเวลาที่สมควร ถ้าให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือผู้เอาประกันภัยได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ของบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2559
6. การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆ
7. เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยได้รับความเดือดร้อน สำนักงาน คปภ.ได้รับความร่วมมือจากบริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 31 บริษัท ยินดีรับโอนกรมธรรม์ประกันภัยของผู้เอาประกันภัยซึ่งได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ยังมีผลผูกพันอยู่ โดยขอความร่วมมือให้ผู้เอาประกันภัยซื้อกรมธรรม์ประกันภัยในแบบเดิม ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี แล้วบริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมให้กับผู้เอาประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่เหลือของกรมธรรม์ประกันภัยเดิม ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องโอนสิทธิที่จะได้รับเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่เหลือจากผู้ชำระบัญชี หรือจากกองทุนประกันวินาศภัยให้แก่บริษัทที่รับโอนกรมธรรม์ประกันภัยนั้นด้วย
8. สำหรับผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยของบริษัท ให้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชี และกองทุนประกันวินาศภัย ภายในสองเดือนนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยออกประกาศ โดยให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 2 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้ กรมธรรม์ประกันภัย บัตรประจำตัวประชาชน ใบเคลม ใบนัดชำระหนี้ หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงถึงมูลหนี้ หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล) หากไม่สามารถมายื่นได้ด้วยตนเอง จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมกับสำเนาบัตรประชาชน ผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ ยื่นต่อผู้ชำระบัญชีของ บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ตามสถานที่ดังต่อไปนี้
ส่วนกลางยื่นได้ 3 แห่ง ดังนี้
(1) สำนักงาน คปภ. เลขที่ 22/79 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
(2) สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ เลขที่ 287 ซอยรัชดาภิเษก 6 ถนนรัชดาภิเษก ท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600
(3) สำนักงาน คปภ. เขตบางนา เลขที่ 1/16 อาคารบางนาธานี ชั้น 8 ถนนบางนาตราด กม.3 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
ส่วนภูมิภาค ยื่นที่ สำนักงาน คปภ.ภาค และสำนักงาน คปภ.จังหวัดทั่วประเทศ
9. สำหรับเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชี ณ สถานที่และภายในกำหนดเวลาที่ระบุข้างต้น พร้อมทั้งนำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าหนี้ ต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 1 ชุด ประกอบการขอยื่นชำระหนี้ ดังนี้ หลักฐานแสดงถึงมูลหนี้ บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล) หากไม่สามารถมายื่นได้ด้วยตนเอง จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ
10. ปัจจุบันมีกองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย ในกรณีที่บริษัทล้มละลายหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากสัญญาประกันภัย จะต้องไปขอรับชำระหนี้จากผู้รับชำระบัญชี และ/หรือ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายก่อน หากจำนวนเงินที่ได้รับชำระหนี้จากบริษัท (ผู้ชำระบัญชี และ/หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์) มีไม่เพียงพอ เจ้าหนี้ดังกล่าวมีสิทธิได้รับชำระหนี้ส่วนที่ขาดจากกองทุนฯ แต่รวมกันแล้วทุกสัญญาไม่เกินหนึ่งล้านบาทต่อราย
สำหรับรายชื่อบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยสามารถดูได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. (www.oic.or.th) หรือสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186