xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นกลุ่มการแพทย์หมดความร้อนแรงแล้วหรือ??

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รูปจากแฟ้มภาพ (ภาพ รอยเตอร์)
โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ
Dr.win@one-asset.com

ภาพการลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ที่ผ่านมาถือว่าได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนค่อนข้างมาก ทั้งในรูปแบบการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Healthcare และ Silver Age โดยทั่วไปกลุ่มการแพทย์จะครอบคลุมไปถึงบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพทั้งหมด รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล หรือ Hospital ด้วย สำหรับคอลัมน์นี้ เราจะมาพูดถึงว่า โอกาสการเติบโตและความเสี่ยงของธุรกิจในแต่ละประเภทเป็นอย่างไรบ้าง และความน่าสนใจเข้าลงทุนยังคงมีอยู่หรือไม่

สำหรับการลงทุนในกลุ่ม Healthcare ที่ผ่านมาจะเป็นการลงทุนในธุรกิจ Healthcare ในตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพราะตราสินค้าที่ได้รับความนิยมในระดับสากล รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านการผลิตตัวยา รวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพหรือ Biotechnology จะอยู่ในตลาดของประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป สหรัฐฯ ซึ่งการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Healthcare ในธุรกิจเหล่านี้จะเน้นการลงทุนในหุ้นเกี่ยวข้องกับธุรกิจการแพทย์ Biotechnology บริษัทผลิตยา บริษัทวางแผนสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ จุดเด่นของการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ สามารถลงทุนแบบมีทางเลือกมากขึ้น

โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นที่มีการเติบโตสูง (High Growth) เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับ Life Sciences หรือบริษัทที่วิจัย, พัฒนา, ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความน่าสนใจของ Healthcare คือกระจายความเสี่ยงได้หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการเข้าไปลงทุนในธุรกิจประเภท เช่น Pioneer หรือ Start Up ทำให้ความเสี่ยงจากธุรกิจในช่วงการเริ่มต้นพัฒนาจะมีมากกว่ากลุ่มอื่น

ที่ผ่านมาน้ำหนักการลงทุนของกองทุน Global Healthcare ส่วนใหญ่กว่า 60% อยู่ในกลุ่มบริษัทยา (Pharmaceuticals) และกลุ่ม Biotechnology ทำให้ในแง่การลงทุนต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับความล้มเหลวของธุรกิจประเภท Pioneer หรือ Start Up ดังกล่าว อีกทั้งยาถือเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวข้องกับนโยบายภาครัฐ ดังนั้น ความเสี่ยงของธุรกิจที่อาจจะเผชิญในระยะยาวคือการปรับเปลี่ยนโยบายของภาครัฐบาล อย่างเช่น ธุรกิจยาของสหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ จากนโยบายโอบามาแคร์ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่ม Healthcare มีโอกาสปรับตัวลดลงได้

ขณะที่การลงทุนในกลุ่ม Silver Age ที่เริ่มได้ยินกันในช่วงหลังๆ เป็นกลุ่มการลงทุนที่ไม่ใช่แค่ “สุขภาพ” แต่เป็น “ไลฟ์สไตล์ โดยภาพรวมการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้มีลักษณะคล้ายกับกลุ่ม Healthcare แต่ต่างกันที่มีส่วนเพิ่มการลงทุนในหุ้นอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์จากพฤติกรรมทางสังคม การเข้าสู่สังคมชราภาพ (Aging Society) ทำให้ธุรกิจประเภทเครื่องสำอาง สถานเสริมความงาม กลุ่มการเงินและประกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ กลุ่มธุรกิจสถานดูแลคนชรา กลุ่มธุรกิจด้านความปลอดภัย กลุ่มธุรกิจรถยนต์ การป้องกันโรค และการชะลอวัย อยู่ในกลุ่มการลงทุนของ Silver Age ด้วย

ในด้านของการลงทุน ข้อดีคือมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นกว่ากลุ่ม Healthcare ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายประเทศทั่วโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมคนชราภาพ ในด้านของความเสี่ยง ผมยังมีมุมมองที่คล้ายกับความเสี่ยงของหุ้นในธุรกิจ Healthcare นั่นคือความเสี่ยงของธุรกิจในช่วงการเริ่มต้น และด้วยการลงทุนกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก โดยเฉพาะในช่วงที่ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากตลาด อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้นในการประกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน

ในช่วงหลังที่ผลการดำเนินงานของกองทุนที่ลงทุนในหุ้นธุรกิจ Healthcare และ Silver Age ปรับตัวค่อนข้างผันผวนและความน่าสนใจลงทุนยังคงมีอยู่หรือไม่ คงต้องกลับมาพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจทั้ง 2 ประเภทว่านวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับธุรกิจการแพทย์ และเป็นกระแสความนิยมของคนในสังคมในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งจะมีความหวือหวาในช่วงที่ตลาดยอมรับในผลิตภัณฑ์และแนวคิดนั้นๆ ยังมีพื้นฐานการเติบโตหรือไม่อย่างไร หากใช้จังหวะการปรับตัวลงก็ถือเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว เพราะทุกคนต้องเจ็บป่วย โรงพยาบาลต้องพัฒนาเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย

อย่างไรก็ดี ผมมองว่า ธุรกิจยา นวัตกรรมทางการแพทย์ก็ต้องทำธุรกิจกับโรงพยาบาล แหล่งใช้ยาที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งในเชิงธุรกิจย่อมมีความได้เปรียบ และอยู่บนสุดของห่วงโซ่ธุรกิจการแพทย์ สัปดาห์หน้าเราจะกลับมาคุยกันเกี่ยวกับแนวคิดธุรกิจโรงพยาบาลในบ้านเราว่ายังน่าสนใจอยู่หรือไม่ครับ

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”


กำลังโหลดความคิดเห็น