เมื่อวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปประชุมที่สิงคโปร์ และได้มีโอกาสนั่งรถแท็กซี่
สิ่งที่ผมต้องแปลกใจอย่างมาก คือ คำทักของเขา ว่า “มาจากเมืองไทยหรือ ?” พอบอกว่าใช่ แล้ว เขาก็เริ่มแสดงความเห็นตำหนิประเทศไทย ด้วยข้อความซึ่งผมรู้สึกทันทีว่า “ประเทศกำลังถูกใส่ร้าย” และ จึงได้อธิบายให้เขาฟังในหลายประเด็น ดังต่อไปนี้
1.ไทยตอนนี้ ต้องปกครองโดยทหาร ไม่เป็นประชาธิปไตย ผมก็อธิบายว่า เป็นเรื่องชั่วคราว เรากำลังปฏิรูปบ้านเมือง ให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง แก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชัน และ ทำให้ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ทำให้ทหารต้องเข้ามาชั่วคราวเพื่อการปฏิรูป และ สิ่งดีที่เห็นคือความสงบร่มเย็นของประเทศ เมื่อการร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น เราก็จะเริ่มกระบวนการเลือกตั้ง
2.ระบบยุติธรรมไทย ไม่ยุติธรรม ศาลตัดสิน “ครอบครัว” อดีตผู้นำ ผิดเสมอ ผมถามเขาว่า เขาได้อ่านรายละเอียดของคำพิพากษาหรือไม่ ? เขารู้ไหมว่า ศาลไทย ได้ให้โอกาสทั้งฝ่ายฟ้อง และ ฝ่ายถูกฟ้องเข้าชี้แจงข้อมูลและแสดงหลักฐานอย่างครบถ้วนทุกฝ่าย และ คำวินิจฉัยก็ดูจะสอดคล้องตามหลักฐานที่ปรากฏ
ซึ่งบัดนี้ ก็ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวจะโต้แย้งว่า หลักฐานผิด หรือ ไม่ครบ หรือ คำวินิจฉัยไม่เป็นไปตามหลักฐานและเหตุผลอันสมควร ผมก็ไม่กล้าตัดสินเรื่องผู้ใหญ่ด้วยตนเอง แต่ผมก็เชื่อว่า ถ้าคำพิพากษานั้น ยังขาดหลักฐานสำคัญใดๆ และมีผู้โต้แย้ง สังคมก็ยินดีรับฟัง แต่ผ่านมาแล้วหลายปี ก็ยังไม่เห็นข้อโต้แย้งใดๆ
3.เราสงสารประชาชนซึ่งเป็นกลุ่มสีหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกภาครัฐ “สั่งฆ่า” อย่างโหดร้าย ผมก็บอกว่า รัฐบาลไทย มีผู้นำเป็นคนไทย ไม่มีใครที่ใจยักษ์ใจมาร “สั่งฆ่าประชาชน” อย่างที่ว่าหรอก
อาจเคยมียุคหนึ่ง ซึ่งประชาชนจำนวนมาก สวมเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นสีไหน ก็เห็นใจ และ สงสาร เพราะ ในขณะที่มีการชุมนุมคนเสื้อแดง กลับมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายชุดดำ มีอาวุธครบมือ ทั้งปืน ทั้งระเบิด ออกไปวางระเบิด และ ยิงบ้องไฟ ในสถานที่ต่างๆ ทั้งสถานราชการ กองทัพ พื้นที่การค้า พื้นที่บริเวณสำนักงานภาคเอกชน โรงแรม มีการใช้อาวุธสังหารประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนประชาชนเดือดร้อน ขาดความปลอดภัยกันอย่างกว้างขวาง
เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องปกป้องประชาชน ทั้งประชาชนในพื้นที่ และ พี่น้องผู้ชุมนุมเสื้อแดงด้วย
สิ่งที่โหดร้ายในยุคนั้นคือ กลุ่มผู้ก่อการร้ายชุดดำมีอาวุธครบมือ ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วไปหลบซ่อนท่ามกลางคนเสื้อแดงที่บริสุทธิ์ปราศจากอาวุธ จนอาจมีลูกหลง ซึ่งไม่แน่ใจว่ามาจะฝ่ายไหน
หากคนไม่ทราบรายละเอียด ได้รับฟังแต่เพียงว่า “รัฐบาลสั่งฆ่าประชาชน” ประเทศไทยโหดร้าย ก็จะเข้าใจผิดได้ เพราะนั่นคือ ความเท็จ ใส่ร้ายประเทศไทย เขาน่าจะได้เห็นภาพว่า เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุม กว่า 3 พันคน ปราศจากอาวุธ ไม่มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายชุดดำแฝง ก็ได้รับการส่งกลับบ้าน พร้อมเจ้าที่รัฐคุ้มครองจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย
มีหลักพระคัมภีร์อยู่ว่า “ห้ามนำเรื่องเท็จไปเล่าต่อๆ กัน อย่าร่วมมือกับคนชั่วโดยเป็นพยานใจร้าย ห้ามทำชั่วตามอย่างคนหมู่มาก ห้ามเป็นพยานในคดีความโดยลำเอียงเข้าข้างคนหมู่มาก หรือ เข้าข้างคนจน จะทำให้เสียความยุติธรรมไป
ห้ามทำให้เสียความยุติธรรมที่คนจนควรได้รับในคดีของเขา เจ้าจงหลีกห่างจากการใส่ความคนอื่น อย่าประหารคนบริสุทธิ์ และคนชอบธรรม เพราะเราจะไม่ถือว่าคนทำชั่วนั้นเป็นคนชอบธรรม ห้ามรับสินบน เพราะว่าสินบนทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอดไป และทำให้คดีของคนชอบธรรมพลิกผันได้”
หวังว่า ทุกคนจะยำเกรงหลักคำสอนของพระเจ้าเพื่อสันติสุขของแผ่นดินครับ คนไทยก็ช่วยกันปกป้องแผ่นดินด้วยครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)