เมืองไทยประกันชีวิตตั้งเป้าปี 59 เบี้ยทะลุแสนล้าน ระบุธุรกิจประกันยังโตต่อเนื่อง และมีโอกาสอีกมากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว พร้อมเตรียมรุกตลาดเพื่อนบ้านมากขึ้นหลังเปิดเออีซี ระบุกลยุทธ์หลักหลังจากนี้คือการทำตามความต้องการของลูกค้า และเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี หวังดันบริษัทเป็น “ดิจิตอล อินชัวเรอร์”
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทมีเบี้ยประกันชีวิตรับใหม่ 37,938 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8% จากปีก่อน โดยเป็นเบี้ยปีแรก 26,247 ล้านบาท เติบโต 18% และเบี้ยประกันรับปีต่อไป 49,942 ล้านบาท เติบโตขึ้น 25% ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาบริษัทมีเบี้ยรับรวม 87,880 ล้านบาท เติบโตขึ้น 17%
“ปี 2558 นับเป็นปีที่มีความท้าทายต่อการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตมากพอสมควร แต่ด้วยจุดเด่นของประกันชีวิตที่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ทั้งความคุ้มครองชีวิต การออมเงินระยะยาว รวมถึงเป็นการบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพ อุบัติเหตุ โรคร้ายแรงต่างๆ ซึ่งธุรกิจประกันชีวิตต่างปรับตัวให้สอดคล้องกับโจทย์เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ธุรกิจยังสามารถเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ”
ส่วนปี 2559 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยรับรวมกว่า 100,000 ล้านบาท โดยเชื่อจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะปีที่ผ่านมาเบี้ยรวมทั้งระบบโตแค่ 6.4% แต่เราก็โตถึง 17% และในปีนี้เชื่อว่าเราจะทำได้เพราะโอกาสของประกันชีวิตในไทยยังมีการเติบโตได้อีกมากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
นายสาระกล่าวอีกว่า ในปี 2559 เมืองไทยประกันชีวิตมีความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ ซึ่งจะเป็นเสมือนเป้าหมายสู่ความสำเร็จในอนาคตว่า “มุ่งมั่นเป็นคู่คิดที่ลูกค้าวางใจ ผ่านนวัตกรรมเพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้วยการทำงานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”
สำหรับนโยบาย “ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”(Customer Centric) ยังคงเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนที่เมืองไทยประกันชีวิตยึดถือ ทั้งในมิติการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นสำคัญ เครือข่ายช่องทางขายที่ครอบคลุม เข้าถึง และเป็นมืออาชีพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้เอาประกัน ช่องทางบริการที่หลากหลายสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ตลอดจนกิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้มผ่าน “เมืองไทย Smile Club” ที่สร้างสรรค์กิจกรรมและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกค้าชื่นชอบ
ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ “ดิจิตอล” ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้บริโภคนั้น เมืองไทยประกันชีวิตได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างยิ่ง โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็น “ดิจิตอล อินชัวเรอร์” ด้วยการนำระบบดิจิตอลเข้ามาสนับสนุนกระบวนการทำงานในทุกขั้นตอนของธุรกิจ นอกจากช่องทางเว็บไซต์แล้ว บริษัทฯ ยังได้ใช้ช่องทางสังคมออนไลน์ (Social Media) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การสื่อสารกับผู้บริโภค
นอกจากนี้ การเข้าสู่ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (ASEAN Economic Community - AEC) ที่ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วนั้น บริษัทฯ ในฐานะหนึ่งในผู้นำของธุรกิจประกันชีวิตของประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญต่อการขยายศักยภาพทางธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับเป็น “บริษัทประกันชีวิตระดับภูมิภาค” หรือ Regional Life Insurance Company ซึ่งล่าสุดเมืองไทยประกันชีวิตได้ร่วมจัดตั้ง Sovannaphum Life Assurance PLC เพื่อดำเนินธุรกิจประกันชีวิตในประเทศกัมพูชา ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) เพื่อร่วมจัดตั้งบริษัทประกันชีวิตร่วมทุนในประเทศเวียดนาม ภายใต้ชื่อ MB Ageas Life นอกจากนี้ ในปี 2557 บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งสำนักงานผู้แทน (Representative Office) เพื่อให้ความรู้ด้านการประกันชีวิตในประเทศพม่าด้วย