xs
xsm
sm
md
lg

EXIM BANK คาดปี 59 ส่งออกไทยเริ่มฟื้นตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายมนัส แจ่มเวหา ประธานกรรมการ  EXIM BANK (ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ กรมบัญชีกลาง http://www.cgd.go.th/)
EXIM BANK เชื่อปี 59 แนวโน้มภาคส่งออกเริ่มขยายตัวจากฐานเดิมต่ำและเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้น แจงปัจจัยเสี่ยงยังรุมเร้า ทั้งตลาดจีนชะลอ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทผันผวน แนะผู้ประกอบการไทยตามติดสถานการณ์ใกล้ชิด

นายมนัส แจ่มเวหา ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ภาคส่งออกของไทยในปีหน้า (2559) คาดจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากปีนี้ (2558) จาก 2 ปัจจัย คือ ฐานที่ต่ำในปี 2558 และเศรษฐกิจโลกโดยรวมโดยเฉพาะสหรัฐฯ มีแนวโน้มกระเตื้องดีขึ้น

นอกจากนั้น การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในช่วงสิ้นปี 2558 จะช่วยประคองภาคส่งออกของไทยให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) ซึ่งมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มจำนวนของผู้บริโภคที่มีระดับรายได้ปานกลาง และได้รับอานิสงส์จากการลดภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการ แม้ว่าผู้ประกอบการไทยจะต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคส่งออกของไทยยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยกดดันต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปจีน ตลาดหลักสำคัญอย่างญี่ปุ่นและยูโรโซนยังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะและหนี้ภาคครัวเรือน ประเทศคู่ค้าอื่นๆ ของไทยยังได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อลดลง และความผันผวนของค่าเงิน เป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee : FOMC) ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ภายใต้ปัจจัยกดดันหลายด้านดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมรับมือด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่จำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักร รวมถึงเทคโนโลยี เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในภาวะที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง

สำหรับสินค้าและบริการที่มีแนวโน้มส่งออกขยายตัวดีในปี 2559 ได้แก่ ข้าว และน้ำตาลทราย คาดว่าจะได้รับผลดีจากราคาในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับขึ้นจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) กระดาษและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ปิโตรเลียม มีแนวโน้มขยายตัวจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของคู่ค้าหลักโดยเฉพาะอาเซียน และปิโตรเคมี ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญยังผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ส่วนสินค้าที่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักและมีโอกาสขยายตัวจากการนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้น ได้แก่ ผัก-ผลไม้ (สด แห้ง กระป๋อง และแปรรูป) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อัญมณีและเครื่องประดับแท้ นอกจากนี้ สินค้าที่ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรองรับตลาดโลก และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามภาพรวมของตลาดโลก แม้ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา ยางยานพาหนะ ถุงมือยางและถุงยางคุมกำเนิด รถยนต์สำเร็จรูป ชิ้นส่วนยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า

สำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่มีทิศทางดี ได้แก่ เอทานอลและไบโอดีเซล ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ จึงช่วยกระตุ้นความต้องการใช้ในประเทศให้เพิ่มขึ้น พลังงานไฟฟ้า มีแนวโน้มดีจากการที่ไทยให้ความสำคัญต่อการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียน นับว่ามีโอกาสในการขยายตัวอีกมาก

สำหรับภาคบริการที่ยังขยายตัวดีในปี 2559 อาทิ โรงแรม ได้อานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันกลายเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย บริการสุขภาพ มีปัจจัยเกื้อหนุนจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทยที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากร และจำนวนผู้สูงอายุ รวมถึงกระแสใส่ใจในสุขภาพที่มีมากขึ้น ขณะที่ชื่อเสียงของไทยในการเป็นแหล่งรักษาพยาบาลและศัลยกรรมความงามช่วยดึงดูดผู้ป่วยต่างชาติได้อย่างต่อเนื่อง รับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ขนส่งทางน้ำ โดยเฉพาะเรือน้ำมัน ได้ประโยชน์จากความต้องการขนส่งน้ำมันในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงอาเซียน และโทรคมนาคม ซึ่งเติบโตตามปริมาณการใช้บริการข้อมูลอินเทอร์เน็ต และบริการในระบบ 3G และ 4G

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น