อลิอันซ์ประกันชีวิตเดินหน้าสินค้าคุ้มครอง เชื่อแนวโน้มคนไทยสนใจมากขึ้น เหตุสังคมสูงวัย ค่ารักษาพยาบาล และอัตราดอกเบี้ยช่วยหนุน ระบุคนไทยมีค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นอีก 8.7% แถมยอดคนชราจะแซงหน้าจีนในปี 2563 ตั้งเป้าเบี้ยใหม่ปีนี้ทะลุ 6 พันล้าน เน้นพัฒนาตัวแทนและช่องทางดิจิตอลเป็นหลัก
นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจสินค้าออมทรัพย์มากกว่าการประกันชีวิตแบบคุ้มครอง แต่แนวโน้มตลาดประกันชีวิตของไทย
ในอนาคตเชื่อว่าสินค้าความคุ้มครองจะได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งสินค้าออมทรัพย์ของช่องทางธนาคารจะได้รับความนิยมลดลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดส่งผลให้ผลตอบแทนไม่คุ้มกับการลงทุน รวมถึงการปรับตัวอย่างต่อเนื่องของค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นเฉลี่ยถึง 8.7% ต่อปี และค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อครั้งถือเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายของครอบครัวไทยถึง 40%-50% จะเป็นตัวผลักดันให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญของการประกันชีวิตมากขึ้น
“คนไทยเข้าถึงประกันชีวิต และมีความคุ้มครองต่อประชากรต่ำกว่า 30% ซึ่งเรามีหน้าที่เชื่อมโยงความคุ้มครองให้คนไทยเห็นความสำคัญมากขึ้น โดยเชื่อว่าสังคมสูงอายุที่ไทยจะต้องเจอจะส่งผลให้คนไทยหันมาสนใจเรื่องนี้ เพราะจากตัวเลขพบว่าในปี 2563 คนไทยจะมีอัตราส่วนของคนชรามากกว่าประเทศจีน นอกจากนี้ยังพบอีกว่าโรคมะเร็งยังเป็นโรคที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากถึง 35%” นายไบรอันกล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทมีความพยายามที่จะเพิ่มการขายสินค้าความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายสินค้าความคุ้มครองอยู่ที่ 25% ของสินค้าทั้งหมด และส่วนใหญ่จะมาจากช่องทางตัวแทน ซึ่งมีสัดส่วนถึง 33% ส่วนในปีนี้คาดว่าช่องทางตัวแทนจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าความคุ้มครองได้ถึง 35%-37% ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนการขายสินค้าความคุ้มครองเพิ่มขึ้นไปด้วยในปีนี้
นายไบรอันกล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนในการพัฒนาช่องทางตัวแทน โดยบริษัทมีแผนปรับปรุงผลตอบแทนสำหรับตัวแทน โดยการส่งเสริมให้เกิดการขายอนุสัญญามากขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนใหม่ที่ 7,800 คน อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมีเบี้ยประกันรับปีแรก 6,100 ล้านบาท เบี้ยประกันรับรวม 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 15,000 ล้านบาท ช่องทางธนาคาร 9,700 ล้านบาท ช่องทางขายตรง 5,300 ล้านบาท และอื่นๆ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยผ่านการใช้เครื่องมือดิจิตอลในการทำตลาดรวมไปถึงการให้บริการ และเป็นเครื่องมือสำหรับฝ่ายขายผ่านโครงการ DNA เช่น การส่งใบคำขอ เอกสารต่างๆ ผ่านระบบดิจิตอล รวมไปถึงโครงการ Socail Media for Sale ในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขยายตัวแทนในโครงการ 800 คน
“การพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้ช่องทางดิจิตอลเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้การขาย การพิจารณา และขั้นตอนต่างๆ สะดวกมากขึ้น ซึ่งช่องทางนี้จะทำให้เราเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ง่าย รวดเร็ว ซึ่งถ้าบริษัทไหนไม่ให้ความสำคัญกับช่องทางนี้ก็จะทำให้ช้ากว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรม” นายไบรอันกล่าว