บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.เอ็มเอฟซี เอาใจนักลงทุนชอบเสี่ยงน้อย ส่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นลงทุน 6 เดือนให้ผลตอบแทนดี
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า มุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ในปี 2559 คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการทยอยขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจะส่งผลต่อราคาพันธบัตรรัฐบาลให้มีการปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้ในบางประเทศยังคงมีความน่าสนใจ อาทิ ตราสารหนี้ในประเทศเอเชียที่มีอันดับเครดิตที่ดีและยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าบนความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ขณะที่ภาวะตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะยังมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่องไปตลอดปี 2559
ด้านอุปทานพันธบัตรระยะยาวในปีงบประมาณ 2559 คาดว่าจะยังคงที่ และอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลไทยน่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะต้องจับตาการโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ หลังการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จึงแนะนำให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก เลือกเข้าลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน-1 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด
นายชัชชัย กล่าวต่อว่า ในระหว่างวันที่ 12-18 มกราคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีเจ (KEFF6MCJ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.75% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย
ทางด้านนางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ เอไอ 6 ซีรี่ส์ 2 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่จะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ คาดโอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 1.90 ต่อปี โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งชาติ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารต่างประเทศ และตราสารหนี้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และหรือตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (non-investment Grade)
และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแบบเต็มจำนวน
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า มุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ในปี 2559 คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการทยอยขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจะส่งผลต่อราคาพันธบัตรรัฐบาลให้มีการปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้ในบางประเทศยังคงมีความน่าสนใจ อาทิ ตราสารหนี้ในประเทศเอเชียที่มีอันดับเครดิตที่ดีและยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าบนความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ขณะที่ภาวะตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะยังมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่องไปตลอดปี 2559
ด้านอุปทานพันธบัตรระยะยาวในปีงบประมาณ 2559 คาดว่าจะยังคงที่ และอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลไทยน่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะต้องจับตาการโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ หลังการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จึงแนะนำให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก เลือกเข้าลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน-1 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาด
นายชัชชัย กล่าวต่อว่า ในระหว่างวันที่ 12-18 มกราคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีเจ (KEFF6MCJ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.75% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย
ทางด้านนางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ เอไอ 6 ซีรี่ส์ 2 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่จะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ คาดโอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 1.90 ต่อปี โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งชาติ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารต่างประเทศ และตราสารหนี้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และหรือตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (non-investment Grade)
และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแบบเต็มจำนวน