บลจ.กสิกรไทยออกกองทุนบอนด์อายุ 6 เดือนต่อเนื่อง ชูผลตอบแทน 1.83% ต่อปี มองแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยยังคงตัวต่อไป เศรษฐกิจยังโตช้า เสนอขาย 23-25 ธ.ค.นี้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำถึงปานกลาง บริษัทจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน รวมถึงลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง โดยในระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีจี (KEFF6MCG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.83% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับมุมมองของ บลจ.กสิกรไทย มองว่าการที่ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเท่าเดิม แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว ประกอบกับยังไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวน่าจะยังทรงตัวในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้สามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมองว่าในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ล่าช้า จากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่วนปัจจัยสนับสนุนที่จะต้องจับตามองคือ การเร่งเดินหน้ามาตรการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ว่าสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
“บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย”
นายชัชชัยยังกล่าวว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีจี (KEFF6MCG) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้น ประกอบด้วย เงินฝาก Union National Bank, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Bank of China, ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China, ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ฮ่องกง และตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำถึงปานกลาง บริษัทจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน รวมถึงลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง โดยในระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีจี (KEFF6MCG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.83% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับมุมมองของ บลจ.กสิกรไทย มองว่าการที่ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเท่าเดิม แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว ประกอบกับยังไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวน่าจะยังทรงตัวในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้สามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมองว่าในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ล่าช้า จากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่วนปัจจัยสนับสนุนที่จะต้องจับตามองคือ การเร่งเดินหน้ามาตรการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ว่าสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
“บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย”
นายชัชชัยยังกล่าวว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีจี (KEFF6MCG) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้น ประกอบด้วย เงินฝาก Union National Bank, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Bank of China, ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China, ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ฮ่องกง และตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
