บลจ.ธนชาตคาดจบปี 2558 หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แตะระดับ 1,400 จุดได้ หลังมีแรงซื้อจาก LTF พร้อมมองปี 2559 แนะจัดพอร์ตลงทุนหุ้นไทย 60% และหุ้นต่างประเทศ 40% รับโอกาสเติบโตที่ดีในอนาคต
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต กล่าวถึงตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า หุ้นไทยคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ และน่าจะแตะระดับ 1,400 จุดได้ เนื่องจากยังมีเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่รอเข้าซื้อช่วงปลายปี ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่เข้ามาปกติ ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ผ่านๆ มา แม้เกณฑ์การลงทุนของกองทุน LTF ที่ให้ถือลงทุนครบ 7 ปีปฏิทินจะเริ่มมีผลในปี 2559 ก็ตาม
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในปี 2559 บลจ.ธนชาตมองว่า จากนโยบายลงทุนของภาครัฐจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ ดังนั้นกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากโครงการลงทุนของภาครัฐ เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนกลุ่มที่ลดน้ำหนักการลงทุนลงคือ หุ้นกลุ่มพลังงาน
ส่วนการลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศในปี 2559 นั้น บลจ.มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและอยู่ระหว่างฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมามากจนระดับราคาสูงเกินปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว ส่วนตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่นมองว่ายังได้รับผลดีจากการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจทั้งสองประเทศยังไม่ค่อยดีนัก จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนจีนยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ แต่อาจต้องลงทุนระยะยาว
ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่ามีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ และการขึ้นดอกเบี้ยคงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น พอร์ตการลงทุนที่แนะนำอยู่ในหุ้นไทย 60% และหุ้นต่างประเทศ 40% ซึ่ง บลจ.แนะนำกองทุนโกลบอล อิควิตี้ ซึ่งมีการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก ผู้จัดการกองทุนหลักจะปรับเปลี่ยนพอร์ตตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งดีกว่าการเลือกลงทุนในรายประเทศ
“ตลาดหุ้นไทยปีนี้แกว่งมาก กองทุนปิดธนชาต Low Beta จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างดี เนื่องจากกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีหรือมีปันผลดี เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินมั่นคง มีรายรับชัดเจน ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ของเรายังบริหารผลตอบแทนได้ในระดับที่ดีและอยู่ใน 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมเช่นเดิม”นายบุญชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 บลจ.ธนชาตยังมีแผนออกกองทุน Super Low Beta ซึ่งเน้นหุ้นที่มีความผันผวนต่ำกว่ากองทุนเปิดธนชาต Low Beta เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างอนุรักษนิยมหรือกลัวความเสี่ยง โดยรับความผันผวนของตลาดหุ้นมากไม่ได้ ซึ่งกองทุน Super Low Beta จะเน้นหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงและมีความผันผวนของราคาหุ้นต่ำมาก
นายบุญชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานในปี 2558 นี้ ยอมรับว่าขยายสินทรัพย์ไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ 2 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 2557 มี AUM อยู่ที่ 1.64 แสนล้านบาท หลังจากในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยหลายด้านเข้ามากระทบการลงทุน รวมถึงตลาดหุ้น ทั้งที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 สามารถขยายสินทรัพย์ได้ดี โดยเฉพาะกองทุนรวมตราสารหนี้ที่กำหนดอายุการลงทุนหรือเทอมฟันด์ที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งปีนี้ให้ผลตอบแทนน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ส่วนต่างจากเงินฝากกับกองทุนเทอมฟันด์ไม่ได้ห่างกันนัก นักลงทุนจึงไม่ค่อยสนใจกองทุนเทอมฟันด์มากเหมือนที่ผ่านมา
ในส่วนของแนวโน้มอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปี 2559 คาดว่าจะเติบโตระดับ 10% ได้ เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนมองหาโอกาสในการลงทุนมากขึ้น ทำให้ผู้ฝากเงินเริ่มโยกย้ายเงินมาลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ขณะที่ บลจ.ธนชาตก็ตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ต้องไม่ต่ำกว่าอุตสาหกรรม
“ปัจจุบัน บลจ.ที่เป็นบริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์ยังมีความได้เปรียบจากสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศทำให้ขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) เปิดใหม่มากขึ้น ช่วยแนะนำการลงทุนให้แก่ผู้สนใจที่อยากให้มีคนกลางช่วยแนะนำมากกว่า บลจ.เสนอโปรดักต์ของตัวเอง ซึ่งแนวโน้ม บลน.น่าจะมีมากขึ้นในอนาคต ช่วยสนับสนุนให้กองทุนรวมเติบโตขึ้นได้อีกทางหนึ่ง”