เงินฝาก-ตราสารหนี้ตุรกียังคึกคัก บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.ธนชาต ส่งกองทุนตราสารหนี้ลุยลงทุน ชูผลตอบแทนโดนใจ
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า จากกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก แต่ต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าเงินฝาก บลจ.กสิกรไทยจึงยังคงเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแบบกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนที่สอดคล้องกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
โดยในระหว่างวันที่ 17-21 เมษายน 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน วาย (KEFF3MY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.30% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ (KEFF6MBA) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะลงทุนส่วนใหญ่ในเงินฝากและตราสารหนี้คุณภาพดีของประเทศตุรกี พร้อมมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของ บลจ.กสิกรไทย
สำหรับกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศของ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุ่งเน้นการคัดเลือกตราสารที่มีคุณภาพและมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี ควบคู่ไปกับโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งเรามองว่าเงินฝากและตราสารหนี้ของประเทศตุรกียังเป็นทางเลือกที่จะสร้างโอกาสในการลงทุนที่ดีได้ โดยตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน วาย (KEFF3MY) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกีและตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี
นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ (KEFF6MBA) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนส่วนใหญ่ในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกีและตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
ทางด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า จากการเปิดเผยข้อมูลของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยที่ระบุว่าตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาสแรกมียอดการลงทุนเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ประกอบกับนโยบายการคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.75% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งตัวเลขการส่งออกที่ไม่สามารถขยายตัวได้ตามคาด ส่งผลให้สภาวการณ์เศรษฐกิจของไทยยังต้องเฝ้าจับตามอง
ในจังหวะที่เศรษฐกิจภาพรวมยังชะลอตัว บริษัทจึงออกกองทุนตราสารหนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่มากนัก โดยขณะนี้ บลจ.ธนชาตได้เปิดขาย 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดธนชาต ตราสารหนี้ต่างประเทศอายุ 6 เดือน (T-FixFIF6M4AI) ผลตอบแทนประมาณ 2.45% โดยเป็นกองทุนที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยเท่านั้น (AI Fund) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ อายุ 2 ปี 3 เดือน (T-Fixed2YR4) ผลตอบแทนประมาณ 3% ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนมาโดยตลอด กำหนดเสนอขายระหว่างวันนี้ ถึง 23 เมษายน 2558
สำหรับตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือนที่จะเข้าไปลงทุน คือ เงินฝากจีน 5% เงินฝากในตุรกี 23% และหุ้นระยะสั้นในตุรกีอีก 72% มีค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2130% กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท ส่วนกองทุนตราสารหนี้ 2 ปี จะลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยระหว่างอายุกองทุน บริษัทอาจรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redeem) ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า จากกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก แต่ต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าเงินฝาก บลจ.กสิกรไทยจึงยังคงเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแบบกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนที่สอดคล้องกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
โดยในระหว่างวันที่ 17-21 เมษายน 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน วาย (KEFF3MY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.30% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ (KEFF6MBA) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะลงทุนส่วนใหญ่ในเงินฝากและตราสารหนี้คุณภาพดีของประเทศตุรกี พร้อมมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของ บลจ.กสิกรไทย
สำหรับกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศของ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุ่งเน้นการคัดเลือกตราสารที่มีคุณภาพและมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี ควบคู่ไปกับโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งเรามองว่าเงินฝากและตราสารหนี้ของประเทศตุรกียังเป็นทางเลือกที่จะสร้างโอกาสในการลงทุนที่ดีได้ โดยตราสารส่วนใหญ่ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน วาย (KEFF3MY) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกีและตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี
นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ (KEFF6MBA) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนส่วนใหญ่ในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกีและตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
ทางด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า จากการเปิดเผยข้อมูลของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยที่ระบุว่าตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาสแรกมียอดการลงทุนเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ประกอบกับนโยบายการคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.75% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งตัวเลขการส่งออกที่ไม่สามารถขยายตัวได้ตามคาด ส่งผลให้สภาวการณ์เศรษฐกิจของไทยยังต้องเฝ้าจับตามอง
ในจังหวะที่เศรษฐกิจภาพรวมยังชะลอตัว บริษัทจึงออกกองทุนตราสารหนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่มากนัก โดยขณะนี้ บลจ.ธนชาตได้เปิดขาย 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดธนชาต ตราสารหนี้ต่างประเทศอายุ 6 เดือน (T-FixFIF6M4AI) ผลตอบแทนประมาณ 2.45% โดยเป็นกองทุนที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยเท่านั้น (AI Fund) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ อายุ 2 ปี 3 เดือน (T-Fixed2YR4) ผลตอบแทนประมาณ 3% ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนมาโดยตลอด กำหนดเสนอขายระหว่างวันนี้ ถึง 23 เมษายน 2558
สำหรับตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือนที่จะเข้าไปลงทุน คือ เงินฝากจีน 5% เงินฝากในตุรกี 23% และหุ้นระยะสั้นในตุรกีอีก 72% มีค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2130% กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท ส่วนกองทุนตราสารหนี้ 2 ปี จะลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยระหว่างอายุกองทุน บริษัทอาจรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ (Auto Redeem) ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง