xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยและแนวโน้มการลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดย บลจ.ทิสโก้

มุมมองตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 4/2015

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีการขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวตามการบริโภคที่แข็งแกร่ง, การลงทุนของภาคเอกชนและภาวะการจ้างงานที่ดีขึ้น เศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังจะเห็นได้จากตัวเลข Composite PMI สองเดือนแรกของไตรมาสที่ 3 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นในช่วงหลังเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก แต่ก็เป็นแค่ผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ในขณะที่เศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผลมาจากภาครัฐที่มีการปรับเปลี่ยนปฏิรูปเชิงโครงสร้าง โดยเน้นการบริโภคภาคเอกชนให้เป็นแรงหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจหลังจากนี้

การที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดการเงินยังคงมีความผันผวนไร้ทิศทางที่ชัดเจนในไตรมาสที่ 4/2015 นี้ ดังนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยคำนึง Fund Flows, Valuations และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเป็นปัจจัยหลัก

สำหรับเศรษฐกิจไทย เราคาดว่า GDP ไตรมาสที่ 3 จะขยายตัว 2.4% YoY จากรายรับภาคท่องเที่ยวที่ลดลงไปบ้างหลังความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ในเดือนสิงหาคม ส่วนไตรมาส 4 คาดฟื้นตัวดีขึ้น ขยายตัว 2.6% YoY ทำให้ทั้งปี 2015 GDP ขยายตัว 2.7% YoY โดยปัจจัยสนับสนุนหลักของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีจนถึงไตรมาสที่ 1-2/2016 มาจาก 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมูลค่า 2.36 แสนล้านบาท ซึ่งมุ่งเน้นช่วยเหลือเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) 2) แผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ประกอบไปด้วยโครงการรถไฟฟ้า 6 สาย รวมมูลค่า 4.25 แสนล้านบาท 3) รายรับจากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season

ในส่วนของภาคการเมือง เรามองว่า Downside Risk มีจำกัดในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า แม้ว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติมีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้การเลือกตั้งถูกชะลอออกไปเป็นเดือน มิ.ย. 2017 โดย Roadmap ทางการเมืองใหม่ตามสูตร 6-4-6-4 จะเริ่มเดือน ต.ค. หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติเลือกคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จำนวน 21 คน โดยสูตร 6-4-6-4 กำหนดให้เวลา กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 6 เดือน เตรียมการทำประชามติ 4 เดือน ร่างและประกาศใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก 6 เดือน และเตรียมการเลือกตั้งอีก 4 เดือน เรามองว่า Roadmap ดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลมีเวลามากขึ้นที่จะผลักดันมาตรการต่างๆ รวมไปถึงโครงการลงทุนภาครัฐที่มักจะทำได้ยากเมื่อเทียบกับสมัยที่มีรัฐบาลในภาคปกติ ส่งผลดีต่อประเทศในระยะยาวต่อไป

สำหรับไตรมาสที่ 4/2015 เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,380-1,500 จุด โดยภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังคงถูกปกคลุมไปด้วยความเสี่ยงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก, ความผันผวนของค่าเงิน และความไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ อย่างไรก็ดี สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้นจะถูกชดเชยด้วยปัจจัยอื่นๆ เช่น แรงหนุนจากสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง, การทยอยประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2015 ของบริษัทจดทะเบียนฯ ในบางอุตสาหกรรมที่เริ่มสะท้อนสภาวะการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศออกมาจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยหลักในการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ SET Index สามารถปรับตัวสูงขึ้นไปได้ในลำดับถัดไป

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เรายังคงเน้นการทำ Stock Selection เพราะเชื่อว่าแม้สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ก็จะมีกลุ่มบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีผลประกอบการที่โดดเด่น และน่าสนใจในการลงทุนอยู่เสมอ ซึ่งพิจารณาจากความสามารถในการทำกำไร, ความแข็งแกร่งทางการเงิน และแผนธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นตามสภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น ในไตรมาสนี้เราจะเลือกกลุ่มบริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากการปฏิรูปประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางรัฐบาล (ธนาคาร, ค้าปลีก, ICT, วัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง), กลุ่มที่ยังรักษาอัตราการขยายตัวของกำไรได้ดีกว่าตลาด (โรงพยาบาล, ท่องเที่ยว)

กลุ่มที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของระดับผลประกอบการไปแล้วและปัจจุบันมี Valuation ที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (อสังหาริมทรัพย์, พลังงาน) และบริษัทที่ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและมีความสามารถในการดึงมาร์เกตแชร์จากคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น