xs
xsm
sm
md
lg

บัญญัติ 10 ประการที่ผู้ลงทุนควรรู้เกี่ยวกับ “ความผันผวน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นที่รู้กันดีว่าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาดซึ่งอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ มากมาย

บทความในครั้งนี้จึงขอนำเสนอกฎ 10 ข้อที่ผู้ลงทุนควรทราบเกี่ยวกับความผันผวนเพื่อเตรียมรับมือและพร้อมลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในช่วงเวลานี้

1. ยอมรับว่าความผันผวนเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน คุณไม่สามารถที่จะหลีกหนีความผันผวนในตลาดการเงินไปได้ไม่ว่าจะพยายามมากสักเพียงใด เพราะตลาดมักจะมีการแปรผันไปตามสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือปัจจัยต่างๆ นอกเหนือการควบคุมของผู้ลงทุน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือต้องทำใจยอมรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นให้ได้ เมื่อเกิดความผันผวนขึ้นมาจริงๆ ก็จะทำให้ไม่ตื่นตระหนกและจะมีการตอบสนองต่อสภาพตลาดได้อย่างมีเหตุมีผลมากขึ้น

2. ในระยะยาวแล้ว ความเสี่ยงของหุ้นก็มักจะให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล จากข้อมูลในอดีตพบว่าการลงทุนในหุ้นมักให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆ แม้ว่าในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะมีการแกว่งตัวขึ้นหรือลงได้อย่างมากเมื่อเทียบกับราคาที่ควรจะเป็น แต่ในระยะยาวราคาหุ้นจะสะท้อนถึงผลประกอบการที่แท้จริงของบริษัทนั้นๆ ซึ่งหากบริษัทที่เราเลือกเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานดีจริง สุดท้ายราคาก็จะปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้

3. การปรับฐานของตลาดหุ้นอาจเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน การปรับฐานเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือภาวะกระทิง ซึ่งในบางครั้งอาจมีการปรับฐานเกิดขึ้นได้หลายๆ ครั้ง ผู้ลงทุนจึงอาจใช้จังหวะเข้าลงทุนในราคาที่น่าสนใจเพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเมื่อตลาดฟื้นตัวกลับขึ้นมา ทั้งนี้ จากข้อมูลในอดีต หลังการปรับฐานในหลายๆ ครั้งตลาดมักจะทำสถิติราคาสูงสุดครั้งใหม่

4. พยายามเลี่ยงการจับจังหวะในการเข้าและออกจากตลาด ผู้ที่ลงทุนต่อเนื่องในตลาดเป็นเวลานานๆ มักจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น การพยายามกำหนดเวลาเข้าและออกจากตลาดมักมีความเสี่ยงในการตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น พลาดโอกาสเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดกำลังฟื้นหรือช่วงที่หุ้นมีราคาน่าสนใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

5. การทยอยเข้าลงทุนเป็นประจำและสม่ำเสมอจะส่งผลบวกต่อการลงทุน การลงทุนประจำสม่ำเสมอ เช่น ทุกเดือนหรือทุกไตรมาสหรือที่เรียกกันว่า Dollar Cost Average แม้ว่าจะไม่ช่วยการันตีว่าจะไม่ขาดทุนได้ แต่จะช่วยทำให้ต้นทุนเฉลี่ยในการลงทุนลดลง และแม้ว่าในภาวะที่ตลาดปรับตัวลงต่อเนื่องจนทำให้ผู้ลงทุนรู้สึกไม่อยากลงทุนประจำ (เพราะยิ่งลงก็เหมือนว่าจะยิ่งถูก) แต่จริงๆ แล้วในช่วงที่ราคาถูกนี่แหละเป็นช่วงที่ควรเข้าลงทุนเพื่อรอจังหวะตลาดฟื้นกลับขึ้นมา

6. การกระจายความเสี่ยงช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงาน หนึ่งในหลักสำคัญที่สุดของการลงทุนคือการกระจายความเสี่ยง เพราะในภาวะที่ตลาดผันผวน หุ้นที่มีผลประกอบการดีอาจจะเวียนจากกลุ่มอุตสาหกรรมหนึ่งไปยังกลุ่มอุตสากรรมหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว การกระจายการลงทุนจะช่วยทำให้เราไม่กระจุกน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์หรือกลุ่มอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งซึ่งมีความเสี่ยงมากจนเกินไป ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุนแล้ว ยังช่วยทำให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอขึ้นด้วย

7. ลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี ปันผลสูง เพื่อสร้างรายได้ประจำ การลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพดีเพื่อสร้างเงินปันผลสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เรามีรายได้ประจำสม่ำเสมอ ซึ่งบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลดีๆ มักจะเป็นบริษัทชั้นนำที่สามารถยืนหยัดได้ดีในทุกภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ราคาหุ้นของบริษัทกลุ่มนี้ก็มักจะมีความผันผวนต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ ซึ่งช่วยทำให้พอร์ตการลงทุนของเรามีความผันผวนลดลง และสามารถถือเป็นสินทรัพย์หลักในการลงทุนได้ในระยะยาว

8. นำเงินรายได้ที่ได้รับมาไปลงทุนต่อเพื่อผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น เมื่อได้รับเงินปันผลมาจากบริษัทที่เราลงทุน เราควรจะนำเงินที่ได้รับมาไปลงทุนต่อเพื่อผลตอบแทนโดยรวมที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากการคิดทบต้นทบดอก (compound) นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรจะต้องมีวินัยและรู้จักอดทน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนอย่างมาก

9. อย่าหวั่นไหวไปตามภาวะตลาด ตลาดมักจะมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดีและแย่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ตลอด อาทิ หุ้นในตลาดเกิดใหม่ที่เคยเป็นที่นิยมของนักลงทุนทั่วโลกก่อนจะเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 ซึ่งหากมองภาพรวมเศรษฐกิจ แม้หุ้นกลุ่มนี้จะขาดความน่าสนใจไป แต่ก็ยังมีบริษัทในตลาดเกิดใหม่หลายๆ แห่งที่ยังคงมีปัจจัยพื้นฐานดีและให้ตอบแทนที่ดีตามแนวโน้มเทรนด์ที่สำคัญในตลาดโลก เช่น เทรนด์ผู้สูงอายุ กลุ่มสุขภาพ หรือการอุปโภคบริโภค ดังนั้น จึงไม่ควรให้ความหวั่นไหวหรือความผันผวนมาบดบังปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของสินทรัพย์ที่เราลงทุน

10. การลงทุนแบบเชิงรุก (Active) ยังคงเป็นวิธีการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน การลงทุนตามดัชนี (Passive) จะมีความผันผวนไปตามตลาดนั้นๆ

แต่การลงทุนแบบ Active อาจมีการคัดเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่จะช่วยทำให้การลงทุนนั้นๆ มีความผันผวนต่ำกว่าหรือเอาชนะตลาดโดยรวมได้ เนื่องจากการลงทุนในเชิงรุกจะมีการพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทหรือหุ้นตัวนั้นๆ เพื่อวิเคราะห์ภาพและราคาที่ควรจะเป็น ทำให้เปิดโอกาสที่จะคัดเลือกหุ้นที่ดีและมีความผันผวนต่ำกว่าตลาดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุน

คำเตือน ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

แปลและเรียบเรียงโดย นายอาทิตย์ ทองเจริญ
ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด
จากบทความ “Volatility: 10 Key Messages for Investors”
(ที่มา : Fidelity Worldwide Investment, วันที่ 25 สิงหาคม 2558)


กำลังโหลดความคิดเห็น