TQM โบรกเกอร์ประกันภัยเชื่อปีนี้กวาดเบี้ยอีก 10,000 ล้านบาท หลังยอด 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 7,000 ล้านบาท มั่นใจไตรมาสสุดท้ายของปีเก็บอีกเดือนละ 1,000 ล้านบาท รับอานิสงส์ภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนที่เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมเล็งอีก 2 ปีเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เผยอยู่ในขั้นตอนเจรจากับที่ปรึกษา และแต่งตัวก่อนลุยจริงปี 60
นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัททีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าบริษัทจะสามารถทำเบี้ยประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันผลการดำเนินงาน 9 เดือน บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับแล้วที่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ธุรกิจของบริษัทจะได้รับปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และจะสามารถทำเบี้ยประกันภัยได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาท
“เท่าที่ได้ฟังมาตอนนี้ภาวะโดยรวมน่าจะถึงจุดที่ต่ำสุดแล้ว และหลังจากนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการต่างๆ ที่ค้างไว้น่าจะทยอยเริ่มลงทุนได้ตามแผน ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของธุรกิจประกันฯ ดีขึ้นได้”นายอัญชลินกล่าว
ทั้งนี้ นอกจากเป้าผลการดำเนินงานแล้ว บริษัทมีแผนที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการ ทั้งเรื่องของที่ปรึกษา และขั้นตอนต่างๆ โดยคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ประมาณปี 2560 และตอนนี้ขั้นตอนการเตรียมตัวเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณ 70-80% ส่วนเมื่อจดทะเบียนแล้วจะอยู่ในหมวดใดนั้นคงต้องดูก่อนเพราะยังไม่มีโบรกเกอร์ประกันภัยบริษัทไหนเคยจดทะเบียนมาก่อน แต่คาดว่าน่าจะอยู่ในหมวดธุรกิจบริการหรือไม่ก็หมวดประกันภัยไปเลย
นายอัญชลิน กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ของบริษัทต่อจากนี้จะให้ความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรมทางด้านการประกันภัย และช่องทางการขายที่เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างทั่วประเทศ โดยล่าสุดบริษัทได้พัฒนาและเสริมช่องทางดิจิตอลใหม่เพื่อสนับสนุนการขายและการบริการ
ทั้งนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มดิจิตอลเชิงลึกพบว่า คนในยุคดิจิตอลยอมรับการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางดิจิตอลมากขึ้น โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ชอบการสนทนา แต่ชอบการหาข้อมูลด้วยตนเอง ชอบความสะดวก ง่าย และรวดเร็ว และตัดสินใจซื้อทันทีเมื่อได้รับความพอใจสูงสุด
“ผมเป็นคนในยุคแอนะล็อก แต่ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตประจำวันต้องมีเรื่องของดิจิตอลและสมาร์ทโฟนมาเกี่ยวข้อง และจากการไปดูงานต่างประเทศมาก็พบว่าช่องทางดิจิตอลประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนที่ปัจจุบันมีอาลีบาบา หรือแม้กระทั่งอีเบย์ที่ผมเองยังเคยใช้บริการเป็นประจำก็มีบทบาทมากขึ้น ทำให้บริษัทเองจะต้องมีการปรับตัวในเรื่องนี้ และนอกจากเรื่องการขายแล้วเรายังใช้ช่องทางนี้สื่อสารกับลูกค้าด้วย และตอนนี้เราก็มีสติกเกอร์ไลน์ครอบครัวหมีเพิ่มเข้ามาให้คนรู้จักเรามากขึ้น”นายอัญชลินกล่าว
นายอัญชลินกล่าวอีกว่า ในส่วนของการประชาสัมพันธ์ในบริษัทได้เตรียมที่จะเปิดตัวโฆษณาทีวีและสปอตวิทยุใหม่ด้วยงบประมาณ 60 ล้านบาทสำหรับโฆษณาเฟสแรก ซึ่งบริษัทพยายามนำเสนอแนวคิดการให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรด้านประกันภัยและการบริการหลังการขาย โดยเชื่อว่าถึงแม้ลูกค้าจะไม่นึกถึงบริษัทก็ไม่เป็นไร แต่บริษัทจะมุ่งมั่นพัฒนาและสรรหาบริการหลังการขายใหม่ๆ มาให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง