โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ
Dr.win@one-asset.com
ภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ดัชนีหุ้นไทยผันผวนติดลบ 5.17% (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ส.ค. 2558) ปัจจัยหลัก ผมมองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าในแถบเอเชียที่ยังอยู่ในช่วงกระตุ้นการฟื้นตัว ซึ่งส่งผลสะท้อนโดยตรงต่อเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่หดตัวลง ประกอบกับปีนี้มีปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเป็นปัญหาภัยธรรมชาติที่มีขึ้นทุกปีในประเทศไทย เพียงแต่ปีนี้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงกลายเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมและกดดันการฟื้นของเศรษฐกิจให้ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกจากความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อภาคการผลิตและภาคครัวเรือนและกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคการลงทุนและตลาดทุน
อย่างไรก็ดี ในแง่ของมูลค่าหุ้น ปัจจุบันหลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงในระดับดัชนี 1,400 จุด ระดับราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ของตลาดอยู่ที่ประมาณ 14.5 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านหุ้นไทยมีราคาถูกกว่าประมาณ 10% ขณะที่โอกาสของการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทน อาทิ หุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ภาคการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐบาล ซึ่งภาครัฐยังคงต้องลงทุนในโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ อันดับแรกคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (Constriction Service) และวัสดุก่อสร้าง รวมถึงหุ้นกลุ่มที่มีการจ่ายปันผลสูง (High Dividend Yield) เพราะระหว่างช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.จะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล ซึ่งปีนี้คาดว่าอัตราการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 3.22% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่ม TIP โดยอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ที่คาดว่าจะมีอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ประมาณ 2.20% 1.88% ตามลำดับ
อาทิ หุ้นในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม โดยมองว่ามีโอกาสจ่ายปันผลสูงในช่วงปลายปี และยังมีปัจจัยบวกเกี่ยวกับการประมูล 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 900 MHz ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหากประมูลสำเร็จก็จะส่งผลดีต่อต้นทุนการบริหารจัดการของผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้จากให้บริการบน Board Band ที่ใหญ่ขึ้น เพราะผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้น และจะดีต่อผลประกอบการและอัตราการจ่ายปันผลของบริษัทในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ควรติดตามคือ ความคืบหน้าของโครงการภาครัฐต่างๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์จะเป็นโอกาสให้หุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นได้ สำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว จังหวะที่ตลาดปรับตัวในระดับ 1,400 จุดถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจ แนะนำให้ทยอยเข้าลงทุน เพราะตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ในแง่ของ ROE หากพิจารณาถึงอัตราการเติบโตและแนวโน้มการจ่ายปันผล ภายใต้กรอบสถานการณ์เดียวกันที่เศรษฐกิจเอเชียได้รับผลกระทบจากการชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
•นักลงทุนสามารถสอบถามเพิ่มเติมและขอรับร่างหนังสือชี้ชวนได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจที่หมายเลข 0-2659-8888 ต่อ 1 ครับ
•“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”