บลจ.ทิสโก้เชื่อในวิกฤตยังมีโอกาส จับจังหวะหุ้นโลกดิ่งจากข่าวกรีซ เป็นโอกาสลงทุนในหุ้น H-Shares ของจีน จัด “ไชน่า ทริกเกอร์” กองที่ 22 มองจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง พร้อมออกมาตรการประคองหุ้นเต็มพิกัดหลังปรับฐานกว่า 12% ในหนึ่งเดือน มั่นใจหากนักลงทุนคลายกังวลหุ้นจีนพร้อมกลับมาผงาดอีกครั้ง เป้าหมายเลิกโครงการ 8% เสนอขายครั้งแรก 8-10 ก.ค.นี้
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรงจากประเด็นกรีซ ล่าสุดเพื่อเป็นการจับจังหวะลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #22” ซึ่งเป็นกองทริกเกอร์ฟันด์ซีรีส์หุ้นจีนกองที่ 22 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้านักลงทุนที่ยังคงให้ความสนใจในตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง
“เรามองว่าการลงประชามติของกรีซที่คัดค้านการรับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดจากเจ้าหนี้ ทำให้การเจรจาเรื่องหนี้สินของกรีซกับเจ้าหนี้ในยุโรปอาจต้องเริ่มต้นกันใหม่ ซึ่งการที่มติออกมาเช่นนั้นทำให้ผิดความคาดหมายของนักลงทุน เราจึงได้เห็นแรงขายหุ้นออกมาทั่วโลก ทำให้ตลาดหุ้นในหลายประเทศปรับฐานแรง ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นจีน ซึ่งโดยแท้จริงแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้กระทบโดยตรงต่อการเติบโตของจีนแต่อย่างใด เราจึงมองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นจีนในรอบนี้เป็นโอกาสดีในการเข้าไปซื้อสะสม โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจนว่าเมื่อเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวจากมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ ทางธนาคารชาติของจีนและรัฐบาลจีนเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่มาเป็นการกระตุ้นด้วยนโยบายการเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลดดอกเบี้ยเงินกู้ เงินฝาก การลดการตั้งสำรองเงินฝากในสถาบันการเงิน ซึ่งทางธนาคารดอยช์แบงก์คาดว่ารัฐบาลจีนอาจจะมีการปรับลดการตั้งสำรองเงินฝากอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงไตรมาส 3 นี้ ซึ่งเมื่อตลาดเริ่มชินชากับข่าวกรีซและเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เราเชื่อว่าหุ้นจีนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างดีอีกครั้งหนึ่ง จึงเสนอขายกองไชน่าทริกเกอร์กองที่ 22 ซึ่งเป็นกองทุนทริกเกอร์ที่ลงทุนในหุ้นจีน H-Shares ในฮ่องกง ซึ่งมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น A-Shares ในตลาดเซี่ยงไฮ้”
โดย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% #22” จะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีนผ่านกองทุน Hang Seng H-Share Index ETF เพื่อสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี HSCEI หรือ H-Shares โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายใน 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ซื้อขายสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ โดยการกำหนดเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเมื่อเลิกกองทุน
“นอกจากมาตรการทางการเงินที่ผ่อนคลายแล้ว ในช่วงนี้ที่หุ้นจีนปรับตัวลดลงแรง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จึงได้ออกมาตรการเพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกของนักลงทุน โดยในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึง 4 มาตรการ คือ 1) ระงับการออกหุ้น IPO 2) บลจ.ที่ถือหุ้นโดยรัฐบาลเริ่มซื้อกองทุน ETF หุ้นจีนเพิ่มขึ้น 3) บล.จีน 21 แห่งจัดตั้งกองทุนมูลค่า 1.2 แสนล้านหยวน เพื่อซื้อกองทุน ETF หุ้นจีนพื้นฐานดี และ 4) เพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ที่ปล่อย margin ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะทำให้ตลาดหุ้นจีนมีเสถียรภาพมากขึ้นและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน” นายสาห์รัชกล่าว