บลจ.เมย์แบงก์เผยนักลงทุนไทยเข้าซื้อกองทุนหุ้นต่างประเทศเพิ่มขึ้น ชี้ 1 เดือนที่ผ่านมาเงินไหลเข้ากองทุน FIF กว่า 150 ล้านบาท หลังตลาดต่างประเทศปัจจัยบวกหนุนเพียบทั้งแนวโน้มที่ดีขึ้นของประเทศที่พัฒนาแล้ว ผนวกกับแนวโน้มอ่อนค่าของบาท ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีอีกด้วย
นายตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 นั้นเรามองว่ายังคงมีความไม่แน่นอนสูง และพึ่งพาการใช้จ่ายของภาครัฐเพียงอย่างเดียว โดยมองว่าการลงทุนต่างประเทศน่าสนใจกว่าในประเทศ เพราะนอกจากจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนแล้ว ยังได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มอ่อนค่าของบาทอีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ประมาณ 150 ล้านบาท แบ่งเป็นไหลเข้ากองทุนเปิดเมย์แบงก์ ยูเอส อีทีเอฟ (Maybank US ETF : MUS) มากกว่า 20 ล้านบาท และกองทุนเมย์แบงก์ โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund : M-GARS) ที่เปิดขายเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มากกว่า 120 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ในปีนี้น่าจะฟื้นตัวตามด้าย รวมทั้งคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น จึงได้เข้ามาลงทุนกองทุนต่างประเทศ
“นักลงทุนอาจมองว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้ไม่น่าจะสดใสเท่าปีก่อน และมีความผันผวนมาก จึงมีการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพราะมองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนน่าจะไหลเข้ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศของ บลจ.เมย์แบงก์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนเมย์แบงก์ โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย โดยกองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุน Feeder Fund ที่จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Global Absolute Return Strategy Fund (GARS) ของ STANDARD LIFE INVESTMENT คือเป็นกองทุน Multi-Asset และ Muti-Strategy ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และการผสมผสานการลงทุนในแบบดั้งเดิมและแบบก้าวหน้าเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอภายใต้ความผันผวนที่เหมาะสม