ชี้กองหุ้นไทยทำผลงานดีแต่ค่าฟีสูงควรเลือกลงทุน

นิด้า เผยงานวิจัยกองทุนหุ้นไทย ทำผลตอบแทนสม่ำเสมอกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ค่าธรรมเนียมกองหุ้นไทยยังสูง ควรดูผลงานการลงทุนให้สอดคล้องกับค่าธรรมเนียม

รศ.ดร.สรศาสตร์ สุขเจริญสิน คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยเรื่องผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นไทยที่เป็นกองทุนเปิดจำนวน 78 กองทุน ช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2546 -2555 โดยดูผลงานกองทุนในปีต่อปี พบว่ากองทุนหุ้นไทยส่วนใหญ่มีความสม่ำเสมอที่ดีต่อเนื่องกองทุนที่สร้างผลผลตอบแทนที่ดีสามารถทำผลงานที่ดีต่อเนื่องในหลายช่วงเวลา แม้ว่าในช่วงที่เกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจจะมีผลการดำเนินงานที่ลดลงไป แต่หลังวิกฤตผ่านไปกองทุนหุ้นไทยก็สามารถกลับมาทำผลงานได้ดี

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน พบว่ากองทุนหุ้นของประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ มีความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานและพบว่ากองทุนหุ้นไทยมีค่าความสม่ำเสมอสูงที่สุดหากไม่เกิดวิกฤตเข้ามาส่งผลกระทบ ซึ่งมองว่าเป็นผลงานที่ดีของกองทุนหุ้นไทยที่จะสามารถแข่งขันและเข้าไปขายในภูมิภาคอาเซียนได้

นายชาญชัย เมธีพิทักษ์ธรรม เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวิจัย สำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยข้อมูลงานวิจัย ว่าปัจจุบันค่าธรรมเนียมของกองทุนหุ้นไทยยังถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับต่างประเทศ โดยกองทุนหุ้นประเภทกองทริกเกอร์ฟันด์มีค่าธรรมเนียมที่สูง รองลงมาคือกองทุนหุ้นสมอล-มิดแคปและกองทุนหุ้นประเภทอ้างอิงดัชนี ซึ่งกองทุนดัชนีในไทยปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 8% ซึ่งยังน้อยแต่สามารถทำผลตอบแทนที่ดีและมีค่าธรรมเนียมที่สูง แต่ปัจจุบันเงินลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนอยู่ในกองทุนหุ้นที่มีการลงทุนแบบที่มีค่าธรรมเนียมที่สูงและมีผลการดำเนินงานที่ดี

อย่างไรก็ตามการลงทุนกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมสูงอาจไม่ได้ผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วย แต่บางกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำก็ทำผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน จึงควรต้องเลือกกองทุนให้ดี

"ดังนั้นการเลือกลงทุนในกองทุนนั้นหากลงทุนในกองทุนหุ้นดัชนีที่มีค่าธรรมเนียมต่ำควรมองที่นโยบายการลงทุนว่ามีการลงทุนแบบใดให้ผลตอบแทนที่ดีหรือไม่"