บลจ.ไทยพาณิชย์เชื่อหุ้นไทยหลุด 1,500 จุดเหมาะช้อนทำกำไร ออกทริกเกอร์ฟันด์เป้ากำไร 2 รอบครั้งละ 3% เชื่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นช่วยหนุน ด้าน บลจ.กสิกรฯ โชว์กองหุ้นสุขภาพดีมานด์พุ่ง ดันขนาดกองทะลุหมื่นล้าน ระบุธุรกิจสุขภาพทั่วโลกโตต่อเนื่องหลังผู้สูงอายุทั่วโลกเพิ่ม
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในช่วงที่น่าสนใจลงทุน โดยราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลายกลุ่มปรับตัวลดลง ในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรและปัจจัยพื้นฐานมิได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
นอกจากนี้ บริษัทยังเชื่อว่าภาพรวมการลงทุนในปี 2558 เศรษฐกิจโลกโดยรวมฟื้นตัว รวมทั้งหลายประเทศมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน โดยดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำและมีเม็ดเงินสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องในระบบยังคงมีสูง ทำให้เกิดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งทำให้การลงทุนในตลาดทุนยังเป็นสินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีนทำให้ภูมิภาคเอเชียกลับมาเป็นที่น่าสนใจลงทุนอีก
โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดจำหน่ายกองทุนทริกเกอร์เพิ่มเติมอีก 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% ฟันด์ อี (SCBTG3P3E) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 14-18 พฤษภาคม 2558 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายจ่ายคืนผลตอบแทน 2 ครั้ง ครั้งละ 3% ภายในระยะเวลา 7 เดือน
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% ฟันด์ อี (SCBTG3P3E) มีนโยบายการบริหารกองทุนเชิงรุก กลยุทธ์การลงทุนคือ เลือกลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี และราคาตามปัจจัยพื้นฐานยังอยู่ในระดับต่ำ เช่น กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจากการที่ราคาน้ำมันกำลังปรับตัวเข้าสู่จุดสมดุล และกำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2557 และกลุ่มส่งออกที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงในระยะสั้น
รวมถึงกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนในช่วงครึ่งหลังของปี เช่น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ที่ราคาปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก สามารถทยอยซื้อสะสมได้ นอกจากนี้ กองทุนยังสามารถใช้ตราสารอนุพันธ์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนตามสภาวะตลาดที่ค่อนข้างผันผวนในขณะนี้ได้อีกทางหนึ่ง
กองหุ้นสุขภาพดีมานด์พุ่ง
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) ได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนมีขนาดมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 11,576 ล้านบาท (ณ วันที่ 12 พ.ค. 2558) ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่าตัวภายในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือนนับจากวันจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ด้วยขนาดมูลค่าสินทรัพย์เดิมที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท และยังครองสถิติเป็นกองทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในอุตสาหกรรมถึง 44%
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในกลุ่ม Healthcare ทั่วโลกมีอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก ทำให้มีปริมาณความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งมีอัตราการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลบวกต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธุรกิจสุขภาพทั่วโลก และส่งผลทำให้หุ้นในกลุ่ม Healthcare ปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนี MSCI World HealthCare มีผลดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 1 ปีกว่า 20% และเอาชนะดัชนีหุ้นโลกที่มีผลดำเนินงานเพียง 5%”