xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยยังให้มุมมองเชิงบวกกับหุ้นไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยมั่นใจหุ้นไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังของปี ล่าสุดส่งกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิ้ล ทริกเกอร์ 5 (KTFT5) ตั้งเป้าโอกาสรับผลตอบแทนประมาณ 5.0% ภายใน 1 ปี พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนแรกก่อนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 2.0% เปิดเสนอขายครั้งเดียว 13-15 พ.ค.นี้

นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด   กล่าวว่า สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีปิดสัปดาห์ที่ระดับ 1,510.51 จุด ลดลง 1.06% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ ดัชนีได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์จนหลุดระดับ 1,500 จุด จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวได้ล่าช้า รวมถึงตัวเลขผลประกอบการของหุ้นกลุ่มใหญ่ๆ ที่ออกมา ส่วนแนวโน้มในระยะสั้นคาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนในช่วงระยะนี้ ดังนั้น บลจ.กสิกรไทยจึงมองว่าเวลานี้เป็นจังหวะที่ดีที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมได้”

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2558 ที่ระดับ 1,650-1,700 จุด ด้วยอัตราส่วน P/E ที่ระดับ 16-16.5 เท่า และประมาณอัตราการเติบโตของผลกำไรปกติของบริษัทจดทะเบียนที่ 12% โดยปัจจัยสนับสนุนหลักจะได้รับมาจากการเร่งใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ และการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เริ่มเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตลอดจนปัจจัยในเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งปรับลดลงอีกเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในรอบ 6 สัปดาห์ มาอยู่ในระดับต่ำที่ 1.50% ส่งผลให้ความน่าสนใจของตราสารหนี้ลดลง ในขณะที่หุ้นจะได้รับความสนใจมากขึ้นในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง และจะผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

นายพงศ์พิเชษฐ์  กล่าวว่า หลังจากที่ บลจ.กสิกรไทยได้มีการเปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์หุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้เปิดเสนอขายไปแล้วจำนวน 2 กองทุน เพื่อเสนอโอกาสให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นไทย ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของตลาดหุ้นไทยและมองจังหวะเวลาการลงทุนในช่วงนี้ว่าเป็นโอกาสที่ดี ดังนั้น ในระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิ้ล ทริกเกอร์ 5 (KTFT5) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวถือเป็นกองทริกเกอร์ฟันด์ในซีรีส์หุ้นไทยกองที่ 5 ของ บลจ.กสิกรไทย และนับเป็นกองที่ 3 ซึ่งเปิดเสนอขายออกมาต่อเนื่องกันในรอบ 6 สัปดาห์

สำหรับกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิ้ล ทริกเกอร์ 5 (KTFT5) มีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นไทย แต่สามารถลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝากได้ โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% ตามสภาวะตลาดที่เหมาะสมในแต่ละขณะ โดยกองทุนมีเป้าหมายผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ 5%* ภายในระยะเวลา 1 ปี พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.20 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 2.0% และครั้งที่ 2 จะรับซื้อคืนโดยอัตโนมัติเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.70 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนอีกประมาณ 3.0%

นอกจากนี้ สภาพคล่องในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง จากการดำเนินมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ จะยังเป็นปัจจัยบวกต่อการปรับตัวของตลาดหุ้นเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้น บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้เข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม โดยมองว่าขณะนี้เป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในกองทุนทริกเกอร์หุ้นไทยอีกครั้ง สำหรับผู้ที่สนใจกองทุน KTFT5 สามารถลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

อย่างไรก็ตาม จากเป้าหมายผลตอบแทนที่กล่าวมาข้างต้น หากภายในปีแรกมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุน KTFT5 ไม่สามารถปรับขึ้นไปถึงเป้าหมายที่ระดับดังกล่าวได้ ในปีถัดไปนักลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนออกมาได้ ทั้งนี้ กองทุนจะกำหนดเป้าหมายใหม่ โดยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.20 บาท (หมายเหตุ: *เป็นเพียงเป้าหมายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดเพื่อเลิกกองทุนเท่านั้น ไม่ใช่ตัวประมาณการหรือรับประกันอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงอาจจะได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่อ้างถึง)

นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ ในระหว่างวันที่ 12-18 พฤษภาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีอี (KEFF6MBE) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.10% ต่อปี

 โดยในเบื้องต้นจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน


กำลังโหลดความคิดเห็น