xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยแนะจัดพอร์ตผสมลุยหุ้น-บอนด์ทั่วโลก ช่วยกระจายความเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยคาดเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังเสี่ยงผันผวน แนะจัดพอร์ตแบบผสม กระจายลงหุ้น-ตราสารหนี้ทั่วโลก ช่วยลดผันผวน

นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่สูง ทั้งในเรื่องความไม่ชัดเจนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รวมถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะกดดันตลาดหุ้นให้มีความผันผวน เช่น ปัญหาเรื่องหนี้ของกรีซ ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันที่มีความผันผวน หรือแม้แต่ปัญหาเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ยังมีการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจน โดย IMF ได้ประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2558 นี้ที่ 3.5% และในปี 2559 ที่ 3.9%

นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายทางการเงินที่แตกต่างกันของธนาคารกลางในแต่ละประเทศ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้มงวดด้านนโยบายทางการเงินมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะทำให้ภาพรวมการลงทุนตลอดครึ่งหลังของปี 2558 มีความผันผวนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การลงทุนก็ยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง โดยเฉพาะในแง่ของสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ยังมีอยู่สูงจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของหลายประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดการเงินและตลาดทุนทั่วโลกด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับมุมมองการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนดังกล่าว ผู้ลงทุนควรมีการทำ Asset Allocation หรือมีการจัดพอร์ตการลงทุนโดยกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ รวมถึงกระจายสัดส่วนการลงทุนในหลากหลายภูมิภาค เพื่อช่วยลดความผันผวนจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง หรือในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังคงสามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับที่น่าพอใจด้วย ซึ่งปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทยมีกองทุนที่สามารถตอบโจทย์ภาวะการลงทุนดังกล่าวนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) ที่จะช่วยตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการจัดสรรพอร์ตการลงทุนแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One- Stop Diversification) ด้วยพอร์ตการลงทุนเพียงหนึ่งพอร์ต แต่สามารถครอบคลุมการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกได้”

จุดเด่นของกองทุน K-GA คือการมีพอร์ตการลงทุนแบบผสม ที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้กว่า 700 หลักทรัพย์ใน 40 ประเทศทั่วโลก โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน BGF Global Allocation ซึ่งบริหารจัดการโดย Blackrock บริษัทจัดการกองทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกองทุนหลักจะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์และแต่ละภูมิภาคอย่างเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับทุกสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง ด้วยทีมบริหารจัดการลงทุนมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในแต่ละภูมิภาค กองทุน K-GA จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด หรือเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังขาดความชำนาญในการจับจังหวะลงทุนด้วยตนเอง โดยเริ่มต้นลงทุนด้วยพอร์ตการลงทุนแบบผสมเป็นพอร์ตหลัก (Core Port) เพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว โดยยังสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจได้เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนัก ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจเพิ่มเติมเข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุนเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้

นายนาวิน กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุน K-GA ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ เนื่องจากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ยังมีความน่าสนใจน้อย ซึ่งปัจจุบันกองทุนมีสัดส่วนลงทุนในตราสารหนี้เพียง 20% ขณะที่มีสัดส่วนในหุ้นประมาณ 63% โดยให้น้ำหนักในหุ้นสหรัฐฯ น้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เพราะมองว่าระดับราคาหุ้นค่อนข้างสูงหลังดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่จะเน้นลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากมีมุมมองเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางญี่ปุ่น

ด้านผลการดำเนินงานของกองทุน K-GA ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 10 ครั้ง เป็นอัตรารวมทั้งสิ้น 4.3 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 3.78% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนที่ 5.41% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ให้ผลตอบแทนที่ 35.82% และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนที่ 4.73% (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พ.ค. 2558)


กำลังโหลดความคิดเห็น