บลจ.วรรณส่งกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ “วรรณ กองทุนคุณธรรม (ชะรีอะห์) 6 ฟันด์” ลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม ชูจัดพอร์ตทั้งหุ้นขนาดใหญ่ 60% อีก 40% ที่เหลือจะลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เป้าหมายโครงการอยู่ที่ 6% ภายใน 12 เดือน เปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 18-26 พ.ค. 58 นี้
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงระยะสั้นยังคงมีโอกาสผันผวนต่อเนื่อง และมีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากนักลงทุนยังคงรอดูปัจจัยบวกในตลาดเพิ่มเติมโดยเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าหุ้นไทยยังสามารถพลิกกลับมาฟื้นตัวได้จากปัจจัยที่ทยอยฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากภาครัฐสามารถดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนคืนกลับมาได้ โดยเฉพาะการเร่งผลักดันในส่วนของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งแนวโน้มของการส่งออกที่น่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของปี 2558 จากอานิสงส์ของค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เราคาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 1,400-1,670 จุด และมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,700 จุดในช่วงที่เหลือของปีนี้
เพิ่มทางเลือกการลงทุนให้ชาวมุสลิม
นายวิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันช่องทางการออมและการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลามค่อนข้างมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ บลจ.วรรณได้พิจารณาเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนที่ต้องการช่องทางการลงทุนที่ถูกต้องตามหลักศาสนา โดยเน้นการเลือกหลักทรัพย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการชารีอะห์ โดยกองทุนเปิดวรรณ กองทุนคุณธรรม (ชะรีอะห์) 6 ฟันด์ (ONE-SHARIAH 6) จะเปิดขายระหว่างวันที่ 18-26 พฤษภาคม 2558 โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 6% ภายในเวลา 12 เดือน
โดยจะจัดพอร์ตการลงทุนโดยผสมหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดประมาณ 10-15 หลักทรัพย์ หรือประมาณ 60% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น ขณะที่ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กอีกประมาณ 5-10 หลักทรัพย์ หรือประมาณ 40% ของพอร์ตการลงทุนที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสูงในระยะ 3 ปีข้างหน้า (Growth Stock) และหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว รวมทั้งหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลประกอบการที่ดีและมีกำไรในอนาคต (Turnaround) เพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้แก่กองทุน โดยกองทุนฯ จะเน้นหุ้นกลุ่มเป้าหมายที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น และมีมูลค่าหุ้นที่ต่ำกว่าระดับที่ไม่เหมาะสม เช่น วัสดุก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรม
นายอนัส อมาตยกุล ประธานที่ปรึกษาด้านชารีอะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนตามหลักศาสนาอิสลามปัจจุบันยังมีข้อจำกัดบางประการ ส่งผลให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามอาจไม่สามารถลงทุนในหุ้นที่เข้าข่ายต้องห้ามได้ เนื่องจากมีหลักการลงทุนแตกต่างไปจากศาสนาอื่นๆ เช่น การห้ามลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับดอกเบี้ย (Riba) รวมถึงหุ้นจากบริษัทที่มีรายได้จากดอกเบี้ย / การห้ามลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการพนัน (Maisir) เช่น การเล่นไพ่ หรือธุรกิจพนันต่างๆ เช่น บริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ บริษัทที่ให้บริการเครื่องเล่นเสี่ยงโชค หรือการกระทำใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลมาก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังห้ามลงทุนธุรกิจที่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุรา สิ่งมึนเมา คาราโอเกะ สุกร กาสิโน เป็นต้น รวมทั้งห้ามลงทุนที่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอน (Gharar) ซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนตามหลักศาสนา โดยใช้หลักการแต่งตั้งตัวแทนหรือวะกาละห์ (Wakalah) ในการบริหารจัดการกองทุน โดยแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเป็นตัวแทนของนักลงทุนในการบริหารจัดการกองทุนแทนผู้ถือหน่วยลงทุน
โดยตัวแทนจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าจ้างในการบริหารจัดการ โดยกองทุนหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจะนำเงินไปลงทุนเฉพาะหลักทรัพย์ที่ถูกต้องตามหลักชารีอะห์ที่คณะกรรมการชารีอะห์รับรองแล้วเท่านั้น