xs
xsm
sm
md
lg

กองดีกองเด่น เจาะพอร์ตกองทุนรางวัลมอร์นิ่งสตาร์ฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสร็จสิ้นกันไปเรียบร้อยสำหรับการประกาศรางวัล Morningstar Thailand Fund Awards 2015 หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ากองทุนใดบ้างที่ได้รับรางวัล และก็ยังมีอีกหลายคนที่ทราบแล้วว่ากองทุนที่ได้รับรางวัลเป็นกองทุนไหนบ้าง แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุน รวมถึงหลักสำคัญๆ ที่ทำให้กองทุนได้รับรางวัล วันนี้ทีมงาน “ASTVผู้จัดการ” จะพาผู้อ่านไปเจาะพอร์ตการลงทุนที่ได้รับรางวัลในปีนี้ เริ่มต้นกันที่...

Morningstar Category Awards 

1. กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณ เอเอ็มเซ็ท 50 จาก บลจ.วรรณ โดยนักวิเคราะห์จากมอร์นิ่งสตาร์ฯ มองว่า นักลงทุนหลายท่านได้ยินชื่อกองทุนเปิด วรรณ เอเอ็มเซ็ท 50 (1AMSET50) แล้วอาจจะเผลอนึกไปว่ากองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภท Index Fund แต่แท้จริงแล้วกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นการบริหารกองทุนเชิงรุก (Active management) ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เกิดผลตอบแทนส่วนต่าง (Alpha) มากกว่า ดัชนี SET50 ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของกองทุน

โดยกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญของกองทุนคือ เน้นการสร้างผลตอบแทนภายใต้การจัดพอร์ตการลงทุนแบบ Core and Satellite (Core คือ การลงทุนหลักที่เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับตลาด ขณะที่ Satellite คือการลงทุนส่วนเพิ่มที่นอกเหนือจากการลงทุนหลักเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับพอร์ตการลงทุน) เพื่อบริหารผลตอบแทนทั้งในลักษณะของการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ SET50 Index และสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุนฯ ให้ได้ประมาณ 3-10% ต่อปี โดยกองทุนเน้นใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ในหุ้นสามัญเพียงประมาณ 25-30 หลักทรัพย์

นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนไปตามความเหมาะสมของสภาวะตลาดเพื่อสร้างผลตอบแทนหลังปรับความเสี่ยง (Risk Adjusted Return) ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด โดยในช่วงที่สถานการณ์ตลาดหุ้นผันผวนและมีความเสี่ยงสูง ผู้จัดการกองทุนจะลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น และตัดสินใจเพิ่มน้ำหนักอีกครั้งหากพิจารณาแล้วว่าตลาดเริ่มมีความผันผวนต่อและมีแนวโน้มหุ้นที่เติบโต

การบริหารความเสี่ยงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ทาง บลจ.วรรณให้ความสำคัญ ซึ่งทีมผู้จัดการกองทุนได้มีการทำงานควบคู่กับฝ่ายบริหารความเสี่ยง (Risk Management) อย่างใกล้ชิด เพื่อนำเอาเครื่องมือต่างๆ ที่มีการพัฒนาทั้งจากภายในและภายนอกองค์กรเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการกองทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และอยู่ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่กำหนด

“ความโดดเด่นของผลตอบแทนที่สามารถทำได้สูงถึง 22.97% ต่อปีตลอด 5 ปีย้อนหลังที่ผ่านมาของ กองทุนเปิด วรรณ เอเอ็มเซ็ท 50 (1AMSET50) และกลยุทธ์ในการลงทุนที่แม่นยำ ชัดเจน ถือเป็นจุดเด่นจนทำให้กองทุนได้รับรางวัล Morningstar Awards 2015 ประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap)”

2. กองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก ได้แก่ กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมอลแค็พ จาก บลจ.อเบอร์ดีน ทั้งนี้ กลยุทธ์ลงทุนในตราสารทุน อเบอร์ดีนยังคงลงทุนแบบ active โดยใช้วิธี bottom-up เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นรายตัว โดยเลือกซื้อในราคาที่เหมาะสม เพื่อมุ่งเน้นผลตอบแทนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในระยะปานกลางถึงระยะยาว คือ 3-5 ปีขึ้นไป กองทุนนี้มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่โดดเด่น โดยในปี 2557 กองทุนให้ผลตอบแทน 21.27% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 16.30%.

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนประสบความสำเร็จคือการลงทุนตามปรัชญาและแนวทางการลงทุนที่เน้นการเลือกลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีงบการเงินแข็งแกร่ง เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ประกอบกับการที่กองทุนของอเบอร์ดีนบริหารโดยทีมผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ มีธรรมาภิบาลที่โปร่งใส และที่สำคัญมีการวิเคราะห์บริษัทที่จะไปลงทุนด้วยตัวเอง ทำให้มีความรู้ความเข้าใจและเลือกลงทุนในบริษัทที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว

สำหรับพอร์ตการลงทุน กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนนั้นเป็นผลลัพธ์ของการเข้าเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว โดยกองทุนนี้ลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มประกันชีวิตและประกันภัย กลุ่มพาณิชย์ เป็นต้น

อเบอร์ดีนเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีการดำเนินธุรกิจที่ดี โดย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2558 5 อันดับแรกของหลักทรัพย์ที่ลงทุนประกอบด้วยบริษัทที่มีชื่อเสียง ได้แก่ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ และ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) โดยกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มประกันชีวิตและประกันภัย กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ในขณะที่ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม พลังงาน ธนาคาร และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร น้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

“ความยอดเยี่ยมของกองทุน Aberdeen Small Cap โดยเฉพาะในกลุ่มที่เน้นลงทุนหุ้นขนาดเล็กและกลาง กองทุนสามารถโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นเหนือคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีได้สูงถึง 25.99% ต่อปี เป็นอันดับที่หนึ่งในกลุ่ม และนี่เองจึงทำให้กองทุน Aberdeen Small Cap ได้รับรางวัล Morningstar Awards 2015 ประเภทกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก (Equity Small/Mid Cap) และเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน”

3. กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและยาว ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ จาก บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ภายใต้กรอบระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากกองทุนนี้มีอายุเฉลี่ยของตราสารเคลื่อนไหวระหว่าง 2-4 ปี นอกจากนี้ กองทุนยังมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนประเภทสินทรัพย์ (Asset Class) ตามสภาวการณ์ในขณะนั้น ทั้งในส่วนตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากในสถาบันการเงิน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่กองทุนอย่างสม่ำเสมอ

ในช่วงปีที่ผ่านมากองทุนใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Core/Satellite Approach คือ การจัดพอร์ตการลงทุนโดยมีส่วนที่เป็น Core Asset ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลัก เพื่อให้กองทุนได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดี กองทุนได้มีการบริหารควบคู่ไปกับส่วนที่เป็น Satellite ซึ่งเป็นการลงทุนแบบ Active Management เพื่อหาจังหวะในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม

นอกจากนี้ กองทุนยังใช้วิธีวิเคราะห์ตามวิธีแบบบนลงล่าง (Top-Down Approach) จากภาพรวมเศรษฐกิจโลก ลงมาสู่การวิเคราะห์ปัจจัยในประเทศ จนไปถึงความน่าสนใจในตราสารเฉพาะตัว (Rich-Cheap Analysis) มาเป็นตัวกำหนดกรอบเป้าหมาย ทั้งในด้านการกำหนดสัดส่วนของประเภทสินทรัพย์ (Asset Allocation) การปรับอายุคงเหลือเฉลี่ยโดยรวมของพอร์ตการลงทุน (Portfolio duration) และการคัดเลือกตราสาร (Security Selections) ซึ่งเริ่มต้นด้วยมองภาพในระดับกว้างนี้ ทำให้กองทุนสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดในช่วงปี 2557 ที่ผ่านมา

ความสำเร็จในช่วงปีที่ผ่านมาโดยหลักมาจากความสามารถในการปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ทันภาวะเศรษฐกิจโลก โดยกองทุนมีดูเรชันอยู่ที่ระดับ 3-4 ปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 จากการประเมินถึงอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับต่ำจากปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานบางส่วนของภาครัฐ ซึ่งเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงในช่วงปลายปี กองทุนได้ทยอยขายทำกำไรและปรับลดดูเรชันลงมาที่ระดับ 2-3 ปี จุดเด่นที่สำคัญการสร้างผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาได้สูงถึง 5.77% อีกทั้งยังสามารถเอาชนะค่าเฉลี่ยของกลุ่มได้อย่างต่อเนื่อง

4. กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ได้แก่ กองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร จาก บลจ.วรรณ โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนเน้นตราสารแห่งหนี้ในประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีความมั่นคงเป็นหลัก ทั้งนี้ กองทุนฯ จะบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active Management) โดยมีการดำเนินกลยุทธ์ 2 แบบควบคู่กัน คือ

1. กลยุทธ์การคัดเลือกตราสารหนี้ (Security selection) ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้อื่นๆ และมีความมั่นคง โดยพิจารณาลงทุนในตราสารที่ผู้ออกตราสารมี Credit Rating ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ขึ้นไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทผู้ออกตราสาร เพื่อสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมกับผลตอบแทนอย่างมีประสิทธิภาพ

2. กลยุทธ์การทำ Market timing ตามสถานการณ์และทิศทางการลงทุนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอเพื่อพิจารณาการลงทุนในตราสารหนี้ที่สอดคล้องกับช่วงเวลานั้นๆ (Market Timing) เช่น ผู้จัดการกองทุนอาจทำการขายตราสารหนี้อายุคงเหลือระยะยาวออกเพื่อ Short Duration หากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยหรืออัตราผลตอบแทนตราสารหนี้มีทิศทางที่ปรับตัวลดลง และทำการ Long Duration หากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยหรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรตราสารหนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อลดความผันผวนของกองทุน เป็นต้น

ขณะที่ด้านการบริหารความเสี่ยงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ทาง บลจ.วรรณให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการบริหารกองทุนตามกลยุทธ์ที่กล่าวในเบื้องต้นเพื่อให้ชนะผลตอบแทนที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานฯ แล้วนั้น โดยฝ่ายบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เพื่อนำเอาเครื่องมือต่างๆ ที่มีการพัฒนาทั้งจากภายในและภายนอกองค์กรเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการกองทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และอยู่ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่กำหนดโดยครอบคลุมทั้งด้านความเสี่ยงตลาด (Market Risk) ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) และความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการ (Operation Risk) ของตราสารแต่ละตัวที่กองทุนลงทุนเพื่อให้จำกัดระดับความเสี่ยงของกองทุนอยู่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่กองทุน

Long Term Equity and Retirement Mutual Fund Awards 

1. กองทุนหุ้นระยะยาว ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว จาก บลจ.อเบอร์ดีน โดยกองทุน ABLTF เน้นการลงทุนระยะยาวในหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ และประวัติการจ่ายเงินปันผลดี ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียน 150 บริษัทแรกที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในตราสารทุน อเบอร์ดีนยังคงลงทุนแบบ active โดยใช้วิธี bottom-up เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นรายตัว โดยเลือกซื้อในราคาที่เหมาะสมเพื่อมุ่งเน้นผลตอบแทนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในระยะปานกลางถึงระยะยาว คือ 3-5 ปีขึ้นไป กองทุนนี้มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่โดดเด่น โดยในปี 2557 กองทุนให้ผลตอบแทน 17.80% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 16.30% กองทุน LTF ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล เงินปันผลที่กองทุนได้รับจากการลงทุนในหุ้นจะถูกนำไปลงทุนในกองทุน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนประสบความสำเร็จคือการลงทุนตามปรัชญาและแนวทางการลงทุนที่เน้นการเลือกลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีงบการเงินแข็งแกร่ง เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ประกอบกับการที่กองทุนของอเบอร์ดีนบริหารโดยทีมผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ มีธรรมภิบาลที่โปร่งใส และที่สำคัญมีการวิเคราะห์บริษัทที่จะไปลงทุนด้วยตัวเอง ทำให้มีความรู้ความเข้าใจและเลือกลงทุนในบริษัทที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว

2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ตราสารแห่งทุน ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีนสมาร์ทแคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ จาก บลจ.อเบอร์ดีน เช่นกัน เป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ที่มีนโยบายการลงทุนระยะยาวในหุ้นสามัญของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในตราสารทุน อเบอร์ดีนยังคงลงทุนแบบ active โดยใช้วิธี bottom-up เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นรายตัว โดยเลือกซื้อในราคาที่เหมาะสม เพื่อมุ่งเน้นผลตอบแทนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานในระยะปานกลางถึงระยะยาว คือ 3-5 ปีขึ้นไป กองทุนนี้มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่โดดเด่น โดยในปี 2557 กองทุนให้ผลตอบแทน 17.86% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 16.30%

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนประสบความสำเร็จคือการลงทุนตามปรัชญาและแนวทางการลงทุนที่เน้นการเลือกลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีงบการเงินแข็งแกร่ง เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ประกอบกับการที่กองทุนของอเบอร์ดีนบริหารโดยทีมผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ มีธรรมมาภิบาลที่โปร่งใส และที่สำคัญมีการวิเคราะห์บริษัทที่จะไปลงทุนด้วยตัวเอง ทำให้มีความรู้ความเข้าใจและเลือกลงทุนในบริษัทที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว โดยกองทุนนี้ลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และสาธารณูปโภค เป็นต้น

สำหรับพอร์ตการลงทุน กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนนั้นเป็นผลลัพธ์ของการเข้าเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว โดยกองทุนนี้ลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และสาธารณูปโภค เป็นต้น

3. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ตราสารแห่งหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ จาก บลจ.ธนชาต ถือเป็นกองทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนที่โดดเด่นมาโดยตลอด ได้รับการการันตีจากสถาบันจัดอันดับ โดยความโดดเด่นของกองทุนนี้คือ เน้นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว ทั้งนี้ยังคงมาตรฐานโดยพยายามรักษาให้ผลตอบแทนของกองทุนมีความผันผวนน้อยกว่าตลาด

ส่วนกลยุทธ์ในการลงทุนที่สำคัญของกองทุนคือ กองทุนเน้นการปรับเปลี่ยนอายุและประเภทตราสารที่ถือครองให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา แต่มีความระมัดระวังสูงกับคุณภาพเครดิตและสภาพคล่องของตราสารที่ลงทุน และยังมีการผสมผสานตราสารหนี้ที่หลากหลายเพื่อใช้สร้างกำไรให้กองทุนในแต่ละช่วงเวลา ในกลุ่มตราสารหนี้แต่ละประเภทอย่างพันธบัตรภาครัฐบาลและพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องสูง เราใช้เพื่อหาผลประโยชน์จากความผันผวนของอัตราผลตอบแทน ส่วนเงินฝาก ใช้จังหวะที่มีการแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคารพาณิชย์สูงเพื่อดึงผลตอบแทนคงที่ไว้บางส่วน และหุ้นกู้ภาคเอกชนเพื่อส่วนต่างของผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยจะยึดหลักการกระจายความเสี่ยงในกลุ่มสินทรัพย์ เพราะการลงทุนในหลักทรัพย์ใดหลักทรัพย์หนึ่งมากเกินไปถือเป็นความเสี่ยงที่เราจะไม่ทำ

ขอบคุณข้อมูลจาก บริษัทมอร์นิ่งสตาร์ไทยแลนด์


กำลังโหลดความคิดเห็น