xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.แมนูไลฟ์แนะจัดพอร์ตลุย ตปท.เพิ่มขึ้น พร้อมตั้งเป้า AUM โต 20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.แมนูไลฟ์เตรียมออกองทุนใหม่ในปีนี้ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าเอยูเอ็มปีนี้เติบโต 20% มองหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกทำให้นักลงทุนรอดูจังหวะ แนะจัดพอร์ตลงทุนต่างประเทศให้มากขึ้น

นายต่อ อินทรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้านั้น มองว่าจะไม่ทำให้เงินไหลกลับไปสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ข่าวการขึ้นดอกเบี้ยมาตลอด จึงวางพอร์ตลงทุนรองรับไว้แล้ว อีกทั้งมองว่าบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งหากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำอีกนานก็น่าจะกระทบกำไรบริษัทได้ ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจไม่ดีต่อการส่งออก ดังนั้นอาจเห็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลงมาก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนถือหุ้นสหรัฐฯ อยู่แล้วก็ยังคงถือต่อได้

สำหรับตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน ขณะที่การปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ลงนั้นมองว่านักการตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพราะมีสำนักวิจัยหลายแห่งทยอยปรับลดมาบ้างแล้ว หลังจากมองว่าการส่งออกยังไม่ค่อยดีนัก ขณะเดียวกันการเบิกจ่ายงบของรัฐก็ยังมีความล่าช้า ทำให้นักลงทุนรอดู ซึ่งนักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรหุ้นออกมาเพื่อรอดูทิศทางตลาด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างซึ่งที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นไปมากจากข่าวรับผลดีโครงการลงทุนของภาครัฐ แต่จนถึงตอนนี้งบรัฐยังล่าช้า แต่ราคาหุ้นขึ้นไปมากแล้ว อีกทั้งนักลงทุนเริ่มกังวลกำไรบริษัทจดทะเบียนอาจไม่ได้รับรู้รายได้ทันในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหุ้นไทยซื้อขายที่พี/อีประมาณ 15 เท่า ถือเป็นระดับที่เหมาะสม ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป ซึ่งหากดัชนีหลุด 1,500 จุดลงไปมองว่าเป็นระดับที่น่าลงทุน เพราะแนวโน้มตลาดยังมีทิศทางเป็นบวกจากโครงการลงทุนและนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ จึงยังคงเป้าหมายดัชนีปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด โดยคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตประมาณ 15%

“แนวโน้มการลงทุนในปีนี้ นักลงทุนอาจจัดพอร์ตการลงทุนโดยลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 1 ใน 3 ของเงินลงทุนทั้งหมด และลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 2 ใน 3 ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยในส่วนของต่างประเทศ อาจแบ่งลงทุนในตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว 15% และตลาดหุ้นเกิดใหม่ 15%”

นายต่อ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ในปี 2558 เติบโตประมาณ 20% จากสิ้นปี 2557 มีมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม 6,800 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 2,200 ล้านบาท โดยแผนงานในปีนี้ยังคงเน้นธุรกิจกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศและกองทุนหุ้นเป็นหลัก ขณะที่ปี 2557 เอยูเอ็มของบริษัทเติบโตค่อนข้างสูงถึง 60%

โดยในปีนี้มีแผนการออกกองทุนใหม่ประมาณ 3 กองทุน โดยกองแรกบริษัทได้เปิดตัวกองทุนแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อินเดีย อิควิตี้ เอฟไอเอฟ ลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอขายกองทุนถึงวันที่ 3 เม.ย. 2558 และอีก 2 กองทุนเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย โดยเน้นธีมการลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด โดยคัดสรรหุ้นประมาณ 15-20 ตัว จากปกติกองทุนรวมโดยทั่วไปจะลงทุนหุ้นประมาณ 30 ตัว ส่วนระยะเวลาเสนอขายขึ้นอยู่กับภาวะตลาด

“ปีนี้เรายังเน้นเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่องจากการออกกองทุนใหม่และทำการตลาดกองทุนเดิม อย่างกองทุนแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในตลาดหุ้นเอเชีย ยังคงเป็นกองทุนเด่นที่เราแนะนำลงทุนในปีนี้”

นอกจากนี้มีแผนออกกองทุนต่างประเทศ โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกผ่านกองทุนหลักของแมนูไลฟ์ในต่างประเทศ ซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 7-8% โดยประเทศไต้หวันและสิงคโปร์ได้เปิดตัวกองทุนนี้ไปแล้ว และได้ผลตอบแทนรับที่ดี เนื่องจากเป็นการลงทุนแบบผสมผสานในหลายสินทรัพย์ (Asset Allocation) เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็มานำเสนอตั๋วแลกเงินให้กองทุนเข้าไปลงทุน

แต่บริษัทฯ ไม่สนใจ และปัจจุบันไม่มีกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในหุ้นกู้หรือตั๋วแลกเงินของเอกชนที่ให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากมองว่าอาจเกิดความเสี่ยงได้แม้จะมองว่าแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ยังไปได้แต่กลัวเรื่องของวินัย หากบริษัทออกตั๋วแลกเงินกันมามากและหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาดก็อาจเสียหายได้


กำลังโหลดความคิดเห็น