กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. แนะสมาชิกวางแผนการเงิน เน้นการบริหารเงินให้ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมาย โดยการออมอย่างสม่ำเสมอ ปริมาณเงินต้นต้องมากพอ และมีวิธีบริหารเงินให้ชนะอัตราเงินเฟ้อ และให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1.75 ต่อปีจากการประชุมครั้งล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการช่วยสร้างความมั่นใจของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเป็นการลดภาระดอกเบี้ยในการชำระหนี้ อีกทั้งส่งผลดีต่อการส่งออก จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง
สำหรับพอร์ตการลงทุนปัจจุบันของ กบข.ที่มีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงสูงอยู่ประมาณร้อยละ 60 โดยส่วนใหญ่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ เนื่องจากอายุเฉลี่ยของพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ถืออยู่มีอายุ 3.86 ปี (ข้อมูล ณ 17 มี.ค. 58) และยังได้รับผลดีจากการปรับตัวขึ้นของราคาพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ กบข.มีความมั่นใจต่อสัดส่วนการลงทุนของพอร์ตปัจจุบัน แต่ กบข.จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน สมาชิกควรวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น จากที่เคยฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ เมื่อดอกเบี้ยลดลงควรนำเงินไปลงทุนในรูปแบบอื่นที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เช่น หุ้น หรือกองทุนรวม โดยให้ข้อคิดว่า เมื่ออายุน้อยควรลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง และลดความเสี่ยงลงเมื่ออายุมากขึ้น เพื่อให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดี แต่ท่านควรทำแบบประเมินความเสี่ยงว่าตนเองยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ก่อนการตัดสินใจลงทุน
นอกเหนือจากการนำเงินไปลงทุนแล้ว การบริหารเงินอย่างสม่ำเสมอด้วยการออมอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากพอเป็นเรื่องสำคัญ อย่างกรณีสมาชิก กบข.ที่มีการนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ ร้อยละ 3 ต่อเดือน เมื่อเกษียณหรือออกจากราชการจะได้รับผลตอบแทนจากเงินส่วนนี้ แต่หากสมาชิกใช้บริการออมเพิ่มร้อยละ 1-12 จะทำให้เงินต้นมากขึ้น ส่งผลให้โอกาสรับผลตอบแทนการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอัตราผลตอบแทนของ กบข. ปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 6.75 สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารและอัตราเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญราวร้อยละ 5 โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 2557 อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.84 และร้อยละ 1.89 ตามลำดับ
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่สมาชิก กบข.ได้รับเพิ่มเติม คือ การยกเว้นภาษีในส่วนของเงินสะสมร้อยละ 3 และเงินสะสมส่วนเพิ่มร้อยละ 1-12 ซึ่งเมื่อรวมกับการลงทุนในกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาทในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ กบข.ได้จัดส่งใบแจ้งยอดสรุปเงินสะสมของสมาชิกประจำปี 2557 เพื่อให้สมาชิกนำไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นหักลดหย่อนภาษีประจำปี หรือสมาชิกสามารถดาวน์โหลดใบแจ้งยอดได้จาก www.gpf.or.th ซึ่งต้องนำไปยื่นภายใน 31 มีนาคมนี้
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1.75 ต่อปีจากการประชุมครั้งล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการช่วยสร้างความมั่นใจของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเป็นการลดภาระดอกเบี้ยในการชำระหนี้ อีกทั้งส่งผลดีต่อการส่งออก จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง
สำหรับพอร์ตการลงทุนปัจจุบันของ กบข.ที่มีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงสูงอยู่ประมาณร้อยละ 60 โดยส่วนใหญ่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ เนื่องจากอายุเฉลี่ยของพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ถืออยู่มีอายุ 3.86 ปี (ข้อมูล ณ 17 มี.ค. 58) และยังได้รับผลดีจากการปรับตัวขึ้นของราคาพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ กบข.มีความมั่นใจต่อสัดส่วนการลงทุนของพอร์ตปัจจุบัน แต่ กบข.จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน สมาชิกควรวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น จากที่เคยฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ เมื่อดอกเบี้ยลดลงควรนำเงินไปลงทุนในรูปแบบอื่นที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เช่น หุ้น หรือกองทุนรวม โดยให้ข้อคิดว่า เมื่ออายุน้อยควรลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง และลดความเสี่ยงลงเมื่ออายุมากขึ้น เพื่อให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดี แต่ท่านควรทำแบบประเมินความเสี่ยงว่าตนเองยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ก่อนการตัดสินใจลงทุน
นอกเหนือจากการนำเงินไปลงทุนแล้ว การบริหารเงินอย่างสม่ำเสมอด้วยการออมอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากพอเป็นเรื่องสำคัญ อย่างกรณีสมาชิก กบข.ที่มีการนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ ร้อยละ 3 ต่อเดือน เมื่อเกษียณหรือออกจากราชการจะได้รับผลตอบแทนจากเงินส่วนนี้ แต่หากสมาชิกใช้บริการออมเพิ่มร้อยละ 1-12 จะทำให้เงินต้นมากขึ้น ส่งผลให้โอกาสรับผลตอบแทนการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอัตราผลตอบแทนของ กบข. ปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 6.75 สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารและอัตราเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญราวร้อยละ 5 โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 2557 อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.84 และร้อยละ 1.89 ตามลำดับ
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่สมาชิก กบข.ได้รับเพิ่มเติม คือ การยกเว้นภาษีในส่วนของเงินสะสมร้อยละ 3 และเงินสะสมส่วนเพิ่มร้อยละ 1-12 ซึ่งเมื่อรวมกับการลงทุนในกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาทในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ กบข.ได้จัดส่งใบแจ้งยอดสรุปเงินสะสมของสมาชิกประจำปี 2557 เพื่อให้สมาชิกนำไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นหักลดหย่อนภาษีประจำปี หรือสมาชิกสามารถดาวน์โหลดใบแจ้งยอดได้จาก www.gpf.or.th ซึ่งต้องนำไปยื่นภายใน 31 มีนาคมนี้