xs
xsm
sm
md
lg

ต่อยอดการลงทุนด้วยอนุพันธ์ทางการเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ผลตอบแทน” คือคำที่พวกเราต่างคุ้นชินกันดีในยุคที่สังคมมนุษย์พึ่งพาระบบที่ใช้เงินตราเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

สำหรับตลาดการลงทุนแล้ว “ผลตอบแทน” คือรางวัลที่นักลงทุนต่างต้องการ เป็นรางวัลจากการลงแรงในการศึกษาหาข้อมูล ลงทุนด้วยเงินออมที่เราเก็บได้ตามกำลังที่มีเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งและสร้างอิสรภาพทางการเงิน นั่นหมายถึงขนาดของผลตอบแทนจะได้มาจากตัวแปรที่เราควบคุมได้สองประการ คือ กำลังกาย (สมอง) และจำนวนเงินออมที่มี ผู้ที่มีเงินออมมากก็มีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนได้มาก (ถ้าเลือกการลงทุนอย่างเหมาะสม) ส่วนปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้คือสภาพตลาดที่มีขึ้นมีลง มีเหตุการณ์ที่อาจจะคาดการณ์ไม่ถึงเป็นปกติวิสัย

แต่ในปัจจุบันข้อจำกัดด้านเงินทุนลดลงไปมากเนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ที่มีกำลังน้อยกว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น (แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นกัน high risk high return) ด้วยการลงทุนที่ใช้ leverage ตัวอย่างเช่นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือ Futures contract คำว่า leverage ถ้าให้เปรียบก็อาจจะหมายถึง “แม่แรง” ที่ทำให้คน 1 คนสามารถจะยกรถยนต์ขึ้นได้ แทนที่จะต้องใช้คนถึง 4-5 คน เนื่องจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ Futures contract เป็นการลงทุนที่ผู้ทำการซื้อขายสัญญาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนในวันที่ทำการซื้อขาย แต่จะใช้เพียงการวางหลักประกัน

โดยทั่วไปมักจะมีการกำหนดอัตราหลักประกัน (Margin) ไม่เกิน 10% ของมูลค่าสัญญา ตัวอย่างเช่นเราลงทุนในทองคำแท่งน้ำหนัก 10 บาททองคำ สมมติว่าราคาปัจจุบันอยู่ที่ 20,000 บาทต่อบาททองคำ เราจะต้องใช้เงิน 200,000 บาทในการซื้อทองคำแท่ง 10 บาททองคำ แต่ในการลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงทองคำ (Gold Futures) นักลงทุนวางเพียงหลักประกันก่อนลงทุนประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา

ในกรณีที่เป็นสัญญา Gold Futures ขนาด 10 บาท มูลค่าสัญญาก็จะใกล้เคียงกับราคาปัจจุบันของทองคำแท่ง 10 บาท ถ้าในตัวอย่างเดียวกันหมายความว่ามูลค่าสัญญาคือ 200,000 บาท นักลงทุนวางหลักประกัน 10% หรือประมาณ 20,000 บาทต่อสัญญา จะเห็นได้ว่าใช้เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำกว่ามาก แต่ผลกำไรหรือขาดทุนจะมีขนาดเท่ากับการลงทุนในทองคำแท่ง 10 บาท

ถึงตรงนี้คงมีคำถามว่าแล้วหลักประกันที่วางไว้จะเพียงพอให้หรือไม่ในกรณีที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงมากเกินกว่า 10% จุดนี้ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนที่ลงทุนในอนุพันธ์จำเป็นต้องคำนึงถึง เนื่องจากหลักประกันที่วางไว้จะมีการเปลี่ยนแปลงตามราคาตลาดของสัญญาที่เคลื่อนไหวตามสินค้าอ้างอิง ซึ่งแบบนี้เราเรียกว่า mark to market

ดังนั้นเงินประกันก้อนนี้อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอนาคต

ในกรณีที่เพิ่มขึ้นเราคงไม่ต้องกังวลอะไรเพราะมันหมายถึงเรากำลังได้รับ “ผลตอบแทน” จากการลงทุน แต่ผลตอบแทนนั้นจะยังไม่ใช่ผลตอบแทนที่แท้จริงจนกว่าเราจะปิดสถานะสัญญานั้นลง

แต่ในกรณีที่ลดลงจะมีระดับที่ต้องระมัดระวัง 2 ระดับ คือถ้าเงินหลักประกันลงต่ำกว่าระดับ 70% ของเงินประกันขั้นต้นที่ให้วางไว้ นักลงทุนจะได้รับแจ้งให้เพิ่มหลักประกันเพื่อรักษาสถานะสัญญา

โดยถ้าไม่เพิ่มหลักประกันภายในหนึ่งวันทำการที่ตลาดเปิดซื้อขาย บริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการนักลงทุนอาจจะปิดสถานะสัญญาเพื่อจำกัดความเสี่ยงและนักลงทุนต้องรับรู้ขาดทุน ณ ราคาที่ปิด ในระดับที่สองคือ ถ้าเงินหลักประกันลงต่ำกว่าระดับ 30% ของเงินประกันขั้นต้น นักลงทุนจะถูกแจ้งให้เพิ่มหลักประกันเช่นเดียวกันแต่จะต้องเพิ่มภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งเนื่องจากจะต้องผ่านระดับ 70% ที่เป็นระดับรักษาสภาพมาก่อน

นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้ายังสามารถจะลดความเสี่ยง หรือเพิ่มโอกาสในช่วงตลาดขาลงซึ่งเป็นปัจจัยที่เราอาจจะควบคุมไม่ได้เป็นอีกประโยชน์ที่น่าสนใจ

เนื่องจากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้านักลงทุนสามารถที่จะทำสัญญาขายล่วงหน้า (short position) ซึ่งจะสามารถทำกำไรได้ในช่วงที่ตลาดกำลังปรับตัวลง หรือสามารถใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหุ้นที่เราถือครองอยู่ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่บรรดากองทุนต้องถือครอง แต่กลยุทธ์นี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะขาใหญ่อีกต่อไป ในเมื่อวันนี้ตลาด TFEX ก็มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 Index ดัชนีตามหมวดอุตสาหกรรม รวมถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงหุ้นรายตัวซึ่งครอบคลุมหุ้นที่เป็นที่นิยมของนักลงทุนกว่า 60 ตัว

จะเห็นได้ว่าอนุพันธ์ทางการเงินมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ลงทุน แต่ทุกการลงทุนก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจและศึกษาอย่างจริงจัง เพราะเราต่างทราบกันดีว่าการลงทุนมีความเสี่ยง และทุกการลงทุนก็มีโอกาสการศึกษาจึงไม่ได้หมายถึงการจำกัดความเสี่ยงเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการเพิ่มโอกาสในการต่อยอดการลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการออมเงินที่วางแผนกันไว้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ

โดย กมลธัญ พรไพศาลวิจิต
ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์
บริษัท จีที เวลธ์ แมนเนจเมนท์ จำกัด


กำลังโหลดความคิดเห็น