xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ชี้เป้า Baidu Inc. เชื่อหุ้นสหรัฐฯ มีอัปไซด์อีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทิสโก้แนะลุยหุ้นสหรัฐฯ เชื่อแนวโน้มเป็นบวกในช่วง 3-6 เดือนหลังจากนี้ ระบุยังมีอัปไซด์อีก 4% แม้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งทำสถิติขึ้นสูงสุด แถมได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มดอลลาร์แข็งในอนาคต ชี้เป้าETF ที่อิงดัชนี S&P500 และเลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดีอัปไซด์สูงเป็นหลัก

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 และ Dowjones ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุด All Time High ที่ 2,094 จุด และ 18,104 จุดตามลำดับ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2557 จากนั้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมาดัชนี S&P500 ได้ปรับตัวลดลง -3%

อย่างไรก็ตาม TISCO Global Trade มองว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังมีแนวโน้มเป็นบวกในระยะกลางประมาณ 3-6 เดือนขึ้นไป โดยให้ดูแนวรับที่ 1,970 จุดเป็นเกณฑ์ หากยืนได้แนวโน้มในระยะกลางจะเป็นบวก โดยคาดว่าไตรมาสที่ 1 S&P500 จะขึ้นต่อทดสอบ All Time High ที่ 2,094 จุด โดยเป้าหมาย 3 เดือนอยู่ที่ 2,094 จุด หรือมีอัปไซด์อีกราว 4% จึงแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องในปีนี้อีกด้วย

บทวิเคราะห์ TISCO Global Trade จึงแนะนำนักลงทุนที่สนใจตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ลงทุนใน ETF ที่อิงดัชนี S&P500 โดยแนะนำ “SPDR S&P500” (SPY US) แล้วขายทำกำไรที่แนวต้าน 2,094 จุด นอกจากนี้ยังได้แนะนำหุ้นรายตัวในสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานดีและมีอัปไซด์สูง ได้แก่ หุ้น “Baidu Inc.” ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการค้นหาข้อมูลยักษ์ใหญ่ในประเทศจีนแต่จดทะเบียนในสหรัฐฯ โดยในไตรมาสที่ 3/2557 Baidu มีรายได้เท่ากับ 13.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13%QoQ และ 52%YoY นอกจากนั้นบริษัทยังมีกลยุทธ์ในการให้บริการแบบ Location-Based คือการเข้าถึงผู้ใช้บริการผ่านการให้บริการตามท้องถิ่น และสามารถเพิ่มรายได้ต่อหัวโดยเฉลี่ยได้จากยอดจองโรงแรมผ่าน Baidu Map ในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่า YoY ในไตรมาสที่ 3/2557 สำหรับแนวโน้มในอนาคตนั้น Baidu มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด โดยมีการค้นหาข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์มือถือในจีนทั้งด้านจำนวนผู้ใช้บริการ ประสบการณ์การใช้งาน และการแปลงธุรกิจเหล่านั้นเป็นรายได้ ทำให้คาดว่าจะเห็นอัตรากำไรที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดในอนาคต ตลาดให้เป้าหมาย 1 ปีเท่ากับ 272.9 USD หรืออัปไซด์ราว 25%

“Michael Kors Holding Ltd.” บริษัทที่มีแบรนด์สินค้าหลากหลายสอดคล้องกับชีวิตประจำวัน โดยมีสินค้าขายอยู่ทั่วโลก ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 บริษัทมีการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่งเท่ากับ +42% YoY ส่งผลให้มีกำไรต่อหุ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดถึง 12% สำหรับแนวโน้มในปี 2558 นี้คาดว่ายอดขายจะเติบโต 12% และมี Net Profit Margin โต 20% จะสามารถรักษา Operating Margin ในระดับสูงถึง 32% โดยปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญคือบริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น จีน และเพิ่มขนาดร้านรวมทั้งจำนวนสาขาร้านอีก 35% YoY นอกจากนั้นบริษัทยังพัฒนา In-house Website และเริ่มขายสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ ราคาเป้าหมาย 1 ปีที่ Bloomberg Consensus ให้ไว้คือ 91.48 USD หรืออัปไซด์ประมาณ 28% และหุ้น “Tesla Motors Inc.” บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ที่ทำธุรกิจทั้งผลิต ออกแบบ และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบในรถยนต์ไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนโดยมีลูกค้าหลักอย่าง Daimler และ Toyota โดย Tesla โดยบริษัทจะมีรถยนต์นำส่งเพิ่มขึ้น 82% จากปี 2557 นอกจากนั้นยังพบว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 30% ในปี 2558 จากการลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลงได้ 30% โดยเป้าราคา 1 ปี ที่ตลาดให้อยู่ที่ 278.8 USD หรืออัปไซด์อีกเกือบ 32% เกิดจากการคาดการณ์ว่าจะมียอดผลิตรถยนต์ได้ถึง 500,000 คันภายในปลายทศวรรษนี้

อีกหนึ่งหุ้นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ได้แก่ “Delta Airlines Inc.” สายการบินยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ มีเที่ยวบินมากกว่า 5,400 ไฟลต์ต่อวัน และมีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศรวมกัน 333 จุดหมายปลายทางใน 64 ประเทศ ในปี 2556 Delta Airlines ได้รับการยกย่องให้เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกในด้านจำนวนผู้โดยสาร และเป็นอันดับ 2 ของโลกในด้านรายได้ ผู้บริหารของบริษัทได้เปิดเผยว่าบริษัทมีเป้าหมายเติบโตไปพร้อมกับผู้ถือหุ้น และยืนยันว่าจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 2% ยิ่งไปกว่านั้นราคาน้ำมันที่ลดลงคิดเป็นกำไรราว 1.7 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2558 (ณ ราคาน้ำมันปัจจุบัน) หลังหักผลจากการทำเฮดจิ้ง (Hedging) ออกแล้ว ตลาดได้ให้เป้าหมายราคา 1 ปีไว้ที่ 59.9 USD อัปไซด์อีก 28.78% จากแนวโน้มรายได้ที่ดีกว่าคาด รวมถึงแนวโน้ม EPS ที่ดี


กำลังโหลดความคิดเห็น